'ส.ส.เพื่อไทย' แนะ 'รัฐบาล' ยืมวัคซีนไฟเซอร์ จากอเมริกา เพื่อช่วยคนไทย

      นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงพร้อมแสดงเอกสารถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ยี่ห้อไฟเซอร์ ในประเทศให้กับบุคคล  ว่า การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับสถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทยพบเอกสารลงวันที่ 29 เมษายน ทั้งนี้ตนเชื่อว่ามีผู้ปฏิบัติงานในสถานทูตสหรัฐอเมริกา ที่เป็นคนไทยได้รับการฉีดวัคซีนยี่ห้อดังกล่าว อย่างไรก็ดีพบด้วยว่ามีเอกสารของการฉีดแ  ตามเอกสาร ลงวันที่ 5 พฤษภาคม ระบุรหัส  Lot.EW0151  ดังนั้นนเชื่อว่าจึงมีการนำวัคซีนดังกล่าวเข้ามาในประเทศจริง และมีการยืนยันผ่านการเผยแพร่ข่าวจากสื่อต่างประเทศที่ระบุว่ามีการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ในประเทศไทย เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินจำเป็นเร่งด่วน แต่ภายหลังพบว่าได้ลบข้อมูลดังกล่าวออก ตนเชื่อว่าเพราะเข้าข่ายผิดกฎหมายในประเทศไทย แม้จะมีเอกสิทธิทางการทูต

      “ผมไม่ได้บอกว่ามีใครมีเอกสิทธิ์ แต่รัฐบาลต้องติดต่อนำเข้าวัคซีนเพื่อให้บริการประชาชน ไม่ใช่ระบุว่ามีฉีดวัคซีน 100 ล้านโดส แต่ไม่ระบุรายละเอียดใดๆ ไม่มีที่มาที่ไป การนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ หากรัฐบาลไม่รู้จะติดต่อที่ไหน ควรไปถามที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาหรือนักการทูต เพื่อช่วยชีวิตคนไทยหากไม่ซื้อ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะขอยืมมาก่อนได้หรือไม่” นายยุทธพงศ์ กล่าว

      นายยุทธพงศ์ เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 หลังจากที่พบสถิติผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้พบการฉีดวัคซีนไปทั้งสิ้น 1.8% จากประชากรทั้งหมดของประเทศ และพบผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม เพียง 4.6 แสนคน   และตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ฐานะผอ.ศบค. ต้องการฉีดให้ประชาชนให้ครบภายในสิ้นปีนี้ จำนวน 100 ล้านโดส ตนเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะต้องฉีดให้ประชาชน วันละ 400,000 คน  อีกทั้งต้องหาสถานที่รองรับที่เหมาะสม เพื่อให้บริการและต้องมีมาตรการเว้นระยะห่างเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อที่เป็นคลัสเตอร์ใหม่ ทั้งนี้จากข้อมูลการฉีดวัคซีนที่สถาบันบำราศนราดูร พบว่าให้บริการได้เพียง 1,000 คนต่อวัน ดังนั้นหากจะฉีดวัคซีนให้ประชาชนครบตามที่รัฐบาลกำหนด ต้องฉีดให้ได้วันละ 400,000 คน 

        นายยุทธพงศ์ กล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มเงินเยียวยาประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยนำงบจาก จาก พ.ร.ก. กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท  หลังจากที่พบว่าการเตรียมจัดสรรเงินให้ประชาชน ในโครงการไทยชนะที่จะให้เงินประชาชนในเดือนมิถุนายน และพฤษภาคม เดือนละ 2,000 บาท ไม่เพียงพอ.