นายกฯตั้งเป้าหาวัคซีนให้ได้150-200 ล้านโดส เร่งเดินหน้าฉีดเข็มแรกให้มากที่สุด

นายกฯตั้งเป้าหาวัคซีนให้ได้150-200 ล้านโดส เร่งเดินหน้าฉีดเข็มแรกให้มากที่สุด

"นายกฯ" สั่ง เปิดโต๊ะเร่งเจรจาหาวัคซีนเพิ่มเติม ให้พอความเสี่ยง 150-200 ล้านโดส เร่งเครื่องฉีดเข็มแรกให้มากที่สุด ตั้งเป้า ก.ค.นี้ ประชากรวัยผู้ใหญ่ได้รับครึ่งหนึ่งของทั้งหมด รับ กังวล ไม่รู้ภูมิคุ้มกันหมู่จะเกิดจริงหรือไม่ เมื่อไหร่ แต่ฉีดดีกว่าไม่ฉีด

พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวผ่านPM Podcast ฟังนายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง การเดินหน้าแก้ปัญหาโควิด-19 ที่เผยแพร่ทางเพจเฟซบุ๊คไทยคู่ฟ้า ว่า ในช่วงเวลาที่เรากำลังต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อ โควิด-19 ในระลอกที่3 ซึ่งถือว่าเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เมื่อวันก่อนตนได้สั่งการให้ออกมาตรการหลายเรื่อง ทางที่เกี่ยวข้องกับสาธารณสุขและเศรษฐกิจปากท้อง ของประชาชน วันนี้ต้นอย่าพูดถึงการตัดสินใจในเรื่องใหญ่บางเรื่อง ในการเดินหน้าจัดการสถานการณ์โควิด ตนคิดว่าการตัดสินใจที่รวดเร็วการทำงานอย่างรวดเร็ว และบูรณาการคืออาวุธ ที่สำคัญที่สุดของเราด้วยการต่อสู้กับโควิด เพื่ออำนวยให้ตัดสินใจได้รวดเร็วขึ้นและปฏิบัติอย่างรวดเร็ว

นายกฯ กล่าวว่า การโอนอำนาจรัฐมนตรีตามกฏหมาย 31 ฉบับ มาไว้ที่นายกฯทำให้ตนสามารถออกคำสั่ง ได้โดยตรงทำให้แก้ไขสถานการณ์เป็นไปด้วยความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ก็ต้องคำนึงถึงกฎหมายของหน่วยงานเขาด้วย ก็ต้องใช้กฎหมายเรานั้นให้ถูกต้อง ต้นขอขอบคุณหน่วยงานทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องที่ทำงานร่วมกันอย่างดีมาโดยตลอด ขอบคุณที่เห็นพ้องต้องกันว่าแนวทางนี้จะสามารถรับมือและผ่านพ้นสถานการณ์ ที่เลวร้ายที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนไปได้

นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของคลัสเตอร์คลองเตย ตนติดตามใกล้ชิดเป็นพิเศษ ทุกหน่วยงานระดมสรรพกำลังเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยใช้ประสบการณ์ จากการจัดการในจังหวัดสมุทรสาคร มาปรับใช้ โดยเน้นการตรวจเชิงรุก อย่างไรก็ตามเมื่อดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกเป็นการเตือนให้เราเห็นว่า การระบาดของ โควิด-19 คงไม่หายไปจากโลกนี้ได้โดยเร็ว เราต้องเตรียมการรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตตั้งแต่ตอนนี้โดยสิ่งที่เราต้องทำอย่างแรก คือเพิ่มจำนวนวัคซีนในมือของเราให้มากกว่านี้ วันนี้ตนสั่งการไปแล้วว่าประเทศไทย ต้องหาวัคซีนให้ได้เพิ่มอีกให้มี 150 ล้านโดสให้ได้ หรือมากกว่านั้น แม้ว่าบางส่วนจะส่งมอบให้เราในช่วงต้นปีหน้าก็ตาม

"ปัจจุบันเราได้ตั้งเป้าไว้ โดยสั่งซื้อวัคซีนจำนวน 100 ล้านโดส สำหรับฉีดให้ประชาชน 50 คนโดยหวังว่าจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศได้ แต่ผมเองคิดว่าเท่านั้นคงยังไม่พอ ทุกวันนี้ถ้าเราฟัง จากสถานการณ์ทั่วโลก ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ จะไวรัสตัวนี้จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ และจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ผมก็ยังมีความกังวลในเรื่องนี้ ระยะต่อไปเราก็ต้องมีแผนของเราตลอดเวลา แต่วันนี้เราก็ได้รับคำยืนยันแล้ว จากทั่วโลกว่าฉีดดีกว่าไม่ฉีด ฉีดเข็มเดียวก็ยังดีกว่าไม่ฉีด ดังนั้นเราควรจะมีวัคซีนให้เพียงพอสำหรับคนไทยทุกคน ซึ่งประเทศเรามีประชากรผู้ใหญ่อยู่ประมาณ 60 ล้านคน จึงต้องมีวัคซีนอย่างน้อย 120 ล้านโดส และยังต้องคำนึงถึงแรงงานในภาคอื่นๆของเราอีกด้วย" นายกฯ กล่าวว่า

อย่างไรก็ตาม นายกฯ กล่าวว่า เราจำเป็นต้องมีวัคซีน เผื่อไว้ให้เพียงพอกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอน อาจจะต้องถึง 150-200 ล้านโดส ในระยะต่อไป ซึ่งก็ต้องคำนึงถึงอายุการใช้งานของวัคซีนด้วย ส่วนประสิทธิภาพภายหลังจากการฉีดนั้นจะอยู่ได้นานเท่าไหร่ จำเป็นต้องฉีดเข็มที่3 อีกหรือไม่ ก็คงต้องติดตามและเตรียมการ จะข้อมูลของหลายประเทศที่กำลังพิจารณาอยู่ในขณะนี้ และยังไม่รับถึงเรื่องการกลายพันธุ์ของไวรัส ที่สร้างความวิตกกังวลใหม่ๆได้อยู่ตลอดเวลา

"ผมคิดว่ามีให้เกินไว้ดีกว่าขาด มีแผนหลัก แผนรอง แผนเผชิญเหตุตามสถานการณ์ที่ต้องคาดการณ์ไว้ ล่วงหน้า" นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวอีกว่า ตนได้สั่งการทุกหน่วยงานให้ทำงานเชิงรุกมากยิ่งขึ้น ให้การเจรจาสั่งซื้อมีความรวดเร็วมากขึ้นยิ่งกว่านี้ เจรจากับผู้ผลิตหลายราย เพิ่มขึ้นอีก เพื่อเพิ่มโอกาสให้ได้วัคซีนเพิ่มขึ้น เราเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนจำนวน 7 ราย และกำลังเจรจาเพิ่มเติมอีกกับผู้ผลิตรายใหม่ๆด้วย โดยต้องเป็นไปตามขั้นตอนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็ต้องพิจารณาให้รวดเร็วขึ้นด้วย

"ล่าสุดสัปดาห์ที่แล้วเราได้รับคำยืนยันว่าจะได้รับวัคซีนเพิ่ม 3.5 ล้านโดส จะส่งมอบให้ประเทศไทยในเดือนนี้ นี่ถือว่าเป็นจำนวนที่เพิ่มเติมขึ้น จากยอดเดิมที่เราได้ดำเนินการไว้เพื่อใช้เป็นในเดือนพฤษภาคม ส่วนการปรับแนวทางการฉีดนั้นได้เร่งเครื่องการฉีดเข็มแรก หลังจากการหารืออย่างเข้มข้น กลับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และสาธารณสุข เราก็ต้องเร่งปรับมาให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนเข็มแรก ให้ประชาชนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะทำไปได้ โดยทางการแพทย์มีความเห็นไปในทางเดียวกันว่า หลังจากได้รับการฉีดวัคซีนไปเพียงเข็มแรกก็จะสามารถลดโอกาสการรับเชื้อ ลดความรุนแรงของอาการ และลดโอกาสในการเสียชีวิตไปได้อย่างมาก ถึงแม้จะมีผลข้างเคียงอยู่บ้าง ก็ต้องดำเนินการแก้ไขต่อไป เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็คงต้องร่วมมือกัน ช่วยกันเร่งเครื่องเดินหน้าให้เร็ว ปูพรม ฉีดเข็มแรกให้ได้มากที่สุดกับประชาชนประมาณเดือนกรกฎาคม ผมคาดการณ์ว่าเราควรจะมีประชากรผู้ใหญ่จำนวนครึ่งหนึ่งของทั้งประเทศที่จะได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว" นายกฯ กล่าว