ราช กรุ๊ป ทุ่ม 272.58 ล้านบาท ซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานลมเวียดนาม

ราช กรุ๊ป ทุ่ม 272.58 ล้านบาท ซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานลมเวียดนาม

"ราช กรุ๊ป” ควัก 272.58 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมเน็กส์ซิฟ เบนเตร กำลังผลิตติดตั้ง 80 เมกะวัตต์ ในเวียดนาม หนุนสู่เป้าหมายกำลังการผลิตพลังงานทดแทน 2,500 เมกะวัตต์ ในปี 2568

นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของบริษัทฯ ได้กำหนดสัดส่วนกำลังผลิตจากพลังงานทดแทนไว้ 25% จากเป้าหมายรวม 10,000 เมกะวัตต์ ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้มีการศึกษาความเหมาะสมโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่มีศักยภาพในต่างประเทศที่มีเป้าหมายและแผนส่งเสริมการพัฒนาพลังงานทดแทนอย่างจริงจังหลายแห่ง

ล่าสุด บริษัทฯ ได้เข้าลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นเพื่อเข้าถือหุ้น 50% ในบริษัท Nexif Energy BT Pte. Ltd. มูลค่า 272.58 ล้านบาท บริษัทดังกล่าวถือหุ้นทั้งหมดในบริษัทย่อย Nexif Energy Ben Tre One Member Co., Ltd. ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมเน็กส์ซิฟ เบนเตร กำลังผลิตติดตั้ง 80 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ห่างจากนครโฮจิมินห์ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ในเวียดนาม โดยมีการไฟฟ้าเวียดนาม (Vietnam Electricity: EVN) เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว 20 ปี

“ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการและเจรจาสัญญาหลัก หากแล้วเสร็จจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 18 เดือน และสามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในเดือนธันวาคม 2565”  

162036917945

ทั้งนี้ โครงการพลังงานลมเน็กส์ซิฟ เบนเตร เป็นโครงการแห่งที่ 2 ในเวียดนามต่อจากโครงการพลังงานลมทานฟงในเวียดนาม (Ecowin) โดยเวียดนามมีแผนพัฒนาพลังงานแห่งชาติที่รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาคุณภาพชีวิตสังคม ซึ่งได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนาแหล่งพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์

อีกทั้งยังมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศด้วย ซึ่งบริษัทฯ พิจารณาเห็นศักยภาพการลงทุนและเชื่อมั่นว่าเวียดนามจะเป็นฐานธุรกิจสำคัญของบริษัทฯ ในอนาคตด้วย

สำหรับเงินลงทุนในโครงการเน็กส์ซิฟ เบนเตร บริษัทฯ ใช้เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือหุ้นกู้สีเขียวที่ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 บริษัทฯ ตั้งใจที่จะพัฒนากำลังผลิตจากพลังงานทดแทนให้สำเร็จตามเป้าหมาย 2,500 เมกะวัตต์ในปี 2568 เพราะจะส่งผลต่อความสำเร็จของเป้าหมายการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากพลังงานทดแทนของบริษัทฯ ที่กำหนดไว้ 20% ของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดในปี 2568

162036919339

ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีความก้าวหน้าในการพัฒนาโครงการพลังงานลมเป็นลำดับ โดยโครงการในออสเตรเลียมีการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 2 แห่ง ได้แก่ โครงการพลังงานลมคอลเลกเตอร์ (บริษัทฯ ถือหุ้นทั้งหมด) กำลังการผลิต 226.8 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลมยานดิน กำลังผลิต 214.2 เมกะวัตต์ (บริษัทฯ ถือหุ้น 70%) และโรงไฟฟ้าพลังงานลมทานฟง ในเวียดนาม กำลังการผลิต 29.7  เมกะวัตต์ (บริษัทฯ ถือหุ้น 51%) อยู่ระหว่างการก่อสร้างและกำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปี 2564 

ปัจจุบัน บริษัทฯ มีการลงทุนโครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย  ลาว ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม โดยมีกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนรวม 1,100.32 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย พลังงานลม 719.74 เมกะวัตต์  พลังงานแสงอาทิตย์ 72.48 เมกะวัตต์ พลังงานน้ำ 304.14 เมกะวัตต์ (ไม่รวมกำลังผลิตจากการลงทุนในหุ้น EDL-GEN) และพลังงานชีวมวล 3.96 เมกะวัตต์