“ก้าวไกล”เล็งยื่นป.ป.ช.สอบจริยธรรมร้ายแรง“ธรรมนัส”ก่อนเปิดสมัยประชุมสภา

“ก้าวไกล”เล็งยื่นป.ป.ช.สอบจริยธรรมร้ายแรง“ธรรมนัส”ก่อนเปิดสมัยประชุมสภา

“ก้าวไกล”เล็งยื่นป.ป.ช.สอบจริยธรรมร้ายแรง“ธรรมนัส”ก่อนเปิดสมัยประชุมสภา ชี้คำวินิจฉัยศาลรธน. ค้านสายตาสังคม บี้ “ประยุทธ์” ตอบจงใจสร้างบรรทัดฐานเอาคนโดนคดีค้ายามาเป็นรมต.

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ผมให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand 07 พ.ค. 64 ต่อกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิฉัยให้ ‘ธรรมนัส พรหมเผ่า’ ไม่ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี แม้จะเคยต้องคำพิพากษาจำคุกในคดีค้ายาเสพติด ประเด็นโดยสรุปก็คือ พวกเราจะเดินหน้าต่อในเรื่องนี้ด้วยการยื่น ปปช. สอบจริยธรรมร้ายแรงต่อไป คาดจะสามารถยื่นเรื่องนี้ได้ก่อนการประชุมสภาสมัยสามัญจะเปิดปลายเดือน พ.ค.นี้ รวมถึงจะใช้กลไกสภาผ่าน กมธ.ปปช. ตรวจสอบอยู่ด้วย

 

อย่างไรก็ตาม การยื่น ปปช.หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมายื่นผิดช่องทาง แต่การที่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญก่อน เพราะยืนยันว่า ‘ข้อเท็จจริง’ เรื่องคำพิพากษาของศาลออสเตรเลียจะต้องถูกพิจารณาเป็นลักษณะต้องห้ามได้ ซึ่งมีกรณีที่เทียบเคียงได้จากความเห็นของกฤษฎีกาต่อกรณียาเสพติด ทั้งในปี 2525 และล่าสุดคือ เดือนตุลาคม ปี 2563

โดยรัฐมีการรับผลคำพิพากษาศาลต่างประเทศมาใช้ในฐานะข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณา ไม่เกี่ยวกับการสูญเสียอำนาจอธิปไตยหรือสูญเสียความเป็นอิสระของตุลาการไทยเลย ซึ่งเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญคือทำผิดที่ไหนควรต้องห้ามทั้งสิ้น กรณีนี้ควรสามารถนำคำพิพากษาออสเตรเลียมาใช้พิจารณาในฐานะข้อเท็จจริงว่า รอ.ธรรมนัส ต้องลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญหรือไม่

 

สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ผลของคดีนี้ในความรู้สึกของสังคมคือรู้ผลล่วงหน้าอยู่แล้ว เพียงแต่รอฟังรายละเอียดว่าจะใช้เหตุผลอะไร ซึ่งเหตุผลเรื่องอธิปไตยฟังดูแล้วแปลก ตอนนี้สังคมไทยเหมือนกำลังกอดระเบิดเวลาไว้ หรือเป็นวิกฤตคู่ ด้านหนึ่งคือวิกฤตองค์กรอิสระและตุลาการ อีกด้านหนึ่งคือวิกฤตทางการเมืองเรื่องความชอบธรรมของรัฐบาล

“เรื่องนี้จะเป็นเรื่องของรัฐบาลไม่ใช่ศาลแล้ว เพราะสุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ต้องตอบคำถามสำคัญว่าตกลงแล้วจะสร้างบรรทัดฐานการเมืองแบบใหม่ให้กับสังคมไทยหรือไม่ ด้วยการยอมรับบุคคลที่เคยโดนคดียาเสพติดมาดำรงแหน่งสำคัญในรัฐบาล”