ตลท.ชี้โอกาสลงทุนช่วงหุ้นผันผวน เล็งศึกษาเกณฑ์ฟรีโฟลทเพิ่ม

ความเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยวานนี้ (6 พ.ค.2564) ปิดที่ 1,571.91 จุด เพิ่มขึ้น 22.69 จุด หรือเพิ่มขึ้น 1.46% มูลค่าซื้อขาย91,320.71 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 326.08 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 785.33 ล้านบาท  นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 1,177.76 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศขายสุทธิ 718.5 ล้านบาท 

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ในช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่ไม่ปกติ ซึ่งมีข่าวเข้ามากระทบที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยเกิดความผันผวนได้ง่าย จึงอยากฝากนักลงทุนให้ศึกษาข้อมูลให้ดี เพราะทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ลักษณะนี้จะมีทั้งคนที่เสียประโยชน์และได้ประโยชน์ เช่น วันที่ดัชนีหุ้นปรับลง 2% (5 พ.ค.) หากนักลงทุนเข้าซื้อก็จะได้กำไรจากที่ดัชนีฟื้นตัวกลับขึ้นมา 1.5% วานนี้

"หุ้นไทยวันที่ 5 พ.ค.ได้รับปัจจัยกดดันจากกระแสข่าวต่างประเทศ ภายหลังธนาคารกลางต่างๆ ออกมาเปิดเผยถึงแผนการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย และการดึงสภาพคล่องกลับออกจากระบบ (QE Tapering) รวมถึงผลกระทบจากโควิด-19 ในประเทศ ส่งผลให้นักลงทุนมีการปรับพอร์ต โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อสลับขายสุทธิหุ้นไทย"

ขณะที่เกณฑ์การคำนวณดัชนีหุ้นด้วยฟรีโฟลท (Free Float Adjusted) ยอมรับว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และมีผู้ที่ได้รับผลกระทบสูง หากนำ Free Float มาคำนวณดัชนี แต่ในอนาคตตลาดหลักทรัพย์ฯ จะศึกษาแนวทางความเป็นไปได้ในการออกดัชนีใหม่ รวมถึงแนวทางอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อแก้ปัญหาฟรีโฟลทที่ต้นเหตุ พร้อมกับการเตือนผู้ลงทุนให้รับทราบถึงหุ้นที่ราคาปรับขึ้นมากกว่าปกติโดยที่ไม่มีเหตุผลรองรับ

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาปิดบวกหลังจากปรับตัวแรงกว่า 30 จุด (5 พ.ค.64) เนื่องจากมีแรงซื้อกลับหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA) ที่ปรับขึ้น 16.51% มีผลทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นประมาณ 6 จุด เพราะได้ปัจจัยบวกจากที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เลื่อนใช้เกณฑ์คำนวณดัชนีหุ้นด้วยฟรีโฟลทออกไป รวมถึงจำนวนผู้รักษาโควิด-19 ที่หายแล้ววานนี้เพิ่มขึ้น 2,435 ราย มากกว่าจำนวนผู้ป่วยใหม่ที่ 1,911 ราย

ขณะที่แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในเดือน พ.ค.ยังมีมุมมองเชิงบวก เพราะมีปัจจัยหนุนจากทิศทางกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 1 ปี 2564 ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น การดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ โดยคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงดอกเบี้ย 0.5% ทั้งปีนี้ และคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในเร็วๆ นี้ เพราะจำนวนผู้ว่างงานยังสูงเมื่อเทียบกับก่อนเกิดโควิด-19

ทั้งนี้ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวดัชนีเดือน พ.ค.ไว้ที่แนวรับ 1,530 จุด และแนวต้าน 1,600-1,645 จุด ตามลำดับ โดยกลยุทธ์การลงทุนแนะนำซื้อหุ้นที่แนวโน้มงบไตรมาสแรกออกมาดี และงบในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง