'เจมาร์ท' จ่อปรับเป้ากำไรปีนี้เพิ่ม คาดงบครึ่งปีแรกโตชัด-ใช้JFIN Coinปั้มยอดขาย

'เจมาร์ท' จ่อปรับเป้ากำไรปีนี้เพิ่ม คาดงบครึ่งปีแรกโตชัด-ใช้JFIN Coinปั้มยอดขาย

กลุ่ม"เจมาร์ท"เล็งปรับเพิ่มเป้ากำไรปีนี้ จากเดิมคาดโต 50% หลังงบไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ปีนี้คาดเติบโตดี พร้อมผุดแคมเปญกระตุ้นตลาดดิจิทัลโทเคน JFIN Coin ลด แลก แจกสินค้าในเครือ ดีเดย์ 17 พ.ค.นี้ หวังเพิ่มรายได้ไม่ต่ำกว่า 70 ล้านบาทต่อเดือน

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยว่า มีโอกาสปรับเป้าหมายกำไรปีนี้เพิ่ม จากเดิมคาดหวังการเติบโต 50% จากปีก่อนที่ทำได้ 797.87 ล้านบาท เนื่องจากภาพรวมผลงานในไตรมาส 1 ปีนี้เติบโตชัดเจน และในไตรมาส 2 นี้คาดยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทจัดแคมเปญ ใช้ JFIN COIN ลด แลก แจก สินค้าในเครือผ่าน 21 โครงการ ให้กับลูกค้าของกลุ่มเจมาร์ท 7 บริษัทในเครือ ซึ่งจะเปิดตัวรายละเอียดโครงการวันที่ 17 พ.ค.นี้  

ทั้งนี้ บริษัทจะนำเหรียญ JFIN Coin มาใช้ประโยชน์กับกิจการของกลุ่ม JMART ทั้ง 7 บริษัทที่มีลูกค้ารวม 7 ล้านราย โดยเริ่มจากแคมเปญ ลด แลก แจก เป็นครั้งแรก คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้เข้ามาเดือนละ 70 ล้านบาท รวมทั้งจะมีการแจกเหรียญให้กับพนักงาน รวมทั้ง Selling Agent ที่มีอยู่จำนวน 9 พันคน

นับว่า เป็นครั้งแรกที่เรารวมกัน 7 บริษัท พยายามสร้างดีมานด์ให้เกิดขึ้น ให้ลูกค้าเข้าใจมากขึ้น พนักงานของเราต้องเข้าใจ เชื่อมั่นว่า การนำ JFIN Coin มาทำการตลาดในรูปแบบใหม่จะทำให้กลุ่ม JMART เติบโตได้ตามเป้าหมาย และหาก JFIN COIN ที่จะเริ่ม 17 พ.ค.นี้ ได้ผลตอบรับตามแผน บริษัทคงต้องปรับเป้าผลการดำเนินงาน แต่วันนี้เราต้องทดลอง และรอดูผลว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ 

โดยบริษัทคาดว่าการนำ JFIN COIN มาใช้เฟสแรกครั้งนี้ จะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 70 ล้านบาทต่อเดือน เมื่อรวมรายได้ของสินค้าและบริการที่จะเกิดขึ้นจากโปรแกรมนี้ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ดังกล่าวตั้งแต่ช่วงมิ.ย.เป็นต้นไป

ทั้งนี้สินค้าบริษัทในเครือที่จะใช้ ลด แลก แจก เช่น การนำเหรียญ JFIN มาแลกสมาร์ทโฟน , ใช้ซื้อของออนไลน์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ JMART , ใช้เหรียญมาเป็นส่วนลดสินค้า , รวมถึงการแจกเหรียญเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ใน JMART และใช้เหรียญเพื่อส่วนลดสำหรับการซื้อบ้านมือ2 เป็นต้น

รวมถึงบริษัทจะให้ JFIN COIN ต่อพนักงานในรูปแบบ (ETOP) ตามอายุการทำงาน หรือเงื่อนไขที่จะออกมาเป็นหลักเกณฑ์ เพื่อเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างแรงจูงใจให้แก่บุคลากรของบริษัทในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างการเจริญเติบโตให้แก่กลุ่มบริษัทเจมาร์ท ทั้งนี้เบื้องต้นบริษัทจะใช้เหรียญกับกลุ่มพนักงาน 9,000 คน และลูกค้าอีก 7 ล้านคนได้ทำความรู้จักและคุ้นเคยกับการใช้เหรียญ JFIN ก่อน และเฟสสองคาดดว่าในไตรมาส 3 จะใช้เหรียญกับกลุ่มพาร์เนอร์ธุรกิจอื่นๆ ต่อไป

นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ JVC ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาซอฟท์แวร์และแอพพลิเคชั่นทางด้านฟินเทค และลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า JFIN ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ครั้งแรกของประเทศไทยกับการนำดิจิทัลโทเคน JFIN มาใช้แลกเป็นสินค้า (Redeem) ใช้ภายในกลุ่มเจมาร์ท เริ่มตั้งแต่ช่วง 3 ปีก่อน ภายหลังจาก ICO สำเร็จ

ในวันนี้ กลุ่มบริษัทเจมาร์ทยังคงพยายามผลักดันในการทำให้ JFIN สามารถนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์หรือบริการที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง (Real JFIN Utility mass adoption) ด้วยจุดแข็งของบริษัทในกลุ่มเจมาร์ทที่มีระบบนิเวศน์ในการทำธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งค้าปลีก การเงิน ประกัน และ อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีฐานลูกค้าจำนวนมาก ดังนั้น แต้มต่อของ JFIN วันนี้ มั่นใจจะทำให้ผู้บริโภคหันมาสนใจตลาดคริปโตเคอเรนซี่ได้มากขึ้น และเป็นรายแรกในการปฏิวัติวงการตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่ที่ภาพชัดเจนที่สุด และจะเป็นสิ่งที่ช่วยผลักดันให้กระตุ้นยอดขาย ของกลุ่มบริษัทให้เพิ่มขึ้นด้วย

ด้านโปรเจ็กต์สำหรับพนักงานของเจมาร์ท บริษัทฯ มุ่งเน้นการสร้างความรู้และความเข้าใจ เพื่อให้ทุกฝ่ายในองค์กรขับเคลื่อนไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน และมีโอกาสได้รับ JFIN หากผลงานเป็นไปตามเป้าหมาย รวมทั้ง การให้ JFIN ต่อพนักงานในรูปแบบ (ETOP) ตามอายุการทำงาน หรือเงื่อนไขที่จะออกมาเป็นหลักเกณฑ์ เพื่อเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างแรงจูงใจให้แก่บุคลากรของบริษัทในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างการเจริญเติบโตให้แก่กลุ่มบริษัทเจมาร์ทอย่างยั่งยืนในอนาคต