TDRI อัดมาตรการเยียวยารัฐแก้ไม่ตรงจุด

(ชมคลิปข่าวด้านล่าง) TDRI อัดมาตรการเยียวยารัฐแก้ไม่ตรงจุด ร่วมพูดคุยกับ รศ.ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันเพื่อการวิจัยและพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)

รศ.ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันเพื่อการวิจัยและพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า การรับมือสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงเข้มขณะนี้ เป็นสถานการณ์ที่ลำบาก โดยเฉพาะการระบาดในพื้นที่ชุมชนคลองเตย ซึ่งเป็นเพียง 1 ในชุมชนแออัดในพื้นที่กรุงเทพฯที่มีทั้งหมด 600 ชุมชนแออัด ดังนั้นการดำเนินการของรัฐบาลอาจจะไม่ทันสถานการณ์ โดยควรต้องมีทีมเสาะหา 200-300 ทีม เข้าไปในชุมชนแออัดโดยเร็ว เพื่อที่จะแก้ไขปัญหา และเมื่อตรวจพบผู้ติดเชื้อก็ส่งโรงพยาบาลสนามเพื่อรักษาและต้องยุติการระบาดในรอบนี้ให้ได้ภายใน 2 เดือน

ทั้งนี้ มาตรการที่รัฐบาลดำเนินการขณะนี้ โดยเฉพาะการออกมาตรการเยียวยา ซึ่งล่าสุดที่ครม.อนุมัติ คือคนละครึ่งเฟส 3 เพิ่มวงเงินในโครงการเราชนะ และม.33 เรารักกัน เป็นมาตรการเหวี่ยงแห ใช้งบไม่ตรงจุด เพราะควรนำเม็ดเงินเหล่านี้มาเยียวยาในกลุ่มที่เดือนร้อนจริงๆ เช่น ชุมชนแออัด ซึ่งเป็นกลุ่มหาเช้ากินค่ำ ที่ต้องการเม็ดเงินเยียวยา หากรัฐบาลมีมาตรการควบคุมโควิดในพื้นที่นั้น ทำให้กลุ่มเหล่านี้ไม่มีรายได้ แต่มีความจำเป็นต้องมีรายได้ก็ควรเยียวยากลุ่มนี้ รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมสูงสุด ห้ามนั่งรับประทานในร้าน เป็นกลุ่มที่ต้องเยียวยา

“เวลานี้รัฐบาลแจกเงินแบบเหวี่ยงแห ไม่ควรจะเน้นไปที่กลุ่มเดือนร้อนแบบเฉพาะเจาะจง ไม่งั้นพวกเจาก็แย่ เพราะได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมของรัฐ”

เร่งเตรียมพร้อมวัคซีนเข็ม 3 รับมือกลายพันธุ์

ในเรื่องของวัคซีนป้องกันโควิด มองว่าที่ผ่านมารัฐบาลทำงานล่าช้า แต่จะไม่พูดถึงโดยจะมองไปข้างหน้า คือรัฐบาลต้องเตรียมแผนที่จะแก้ไขปัญหาในการฉีดวัคซีนให้เร็ว หรืออย่างน้อยให้ได้ 4 แสนโดสต่อวัน และควรเตรียมพร้อมกรณีที่เกิดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ ที่ต้องมีการฉีดเข็มที่สามเพิ่มมา และการฉีดวัคซีนรัฐบาลต้องฉีดให้ครอบคลุม 80% ของประชากร ไม่ใช่ 70% ไม่เช่นนั้นเอาไม่อยู่