พิพัฒน์ชี้ ‘ทัวร์ฉีดวัคซีน’ ต้องทำให้ถูกกฎหมาย ย้ำบริษัททัวร์อย่าโฆษณาเกินจริง!

พิพัฒน์ชี้ ‘ทัวร์ฉีดวัคซีน’ ต้องทำให้ถูกกฎหมาย ย้ำบริษัททัวร์อย่าโฆษณาเกินจริง!

“กระทรวงท่องเที่ยวฯ” ชี้บริษัททัวร์ทำ “ทัวร์ฉีดวัคซีน” ได้ แต่ต้องทำให้ถูกกฎหมาย แนะประชาชนตรวจสอบข้อมูลรอบด้านก่อนตัดสินใจซื้อทัวร์ฯ ย้ำบริษัททัวร์อย่าโฆษณาเกินจริง

จากกรณีบริษัทนำเที่ยวเปิดขายทัวร์พร้อมฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในต่างประเทศ หรือเรียกว่า “ทัวร์ฉีดวัคซีน” ซึ่งนำเสนอรายการนำเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ แต่ดึงดูดความสนใจของประชาชนด้วยการพาไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยรายการนำเที่ยวลักษณะนี้เริ่มมีแพร่หลายมากขึ้น กลุ่มเป้าหมายหลักเน้นไปที่กลุ่มคนกำลังซื้อสูง สามารถเดินทางไปฉีดวัคซีนในต่างประเทศได้ แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การเดินทางไปต่างประเทศเป็นเรื่องยุ่งยากมากขึ้น เพราะต้องปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลไทยและข้อกำหนดของประเทศปลายทางด้วย

วานนี้ (5 พ.ค.) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เรียกประชุมกรณี “ทัวร์ฉีดวัคซีน” ร่วมกับผู้บริหารกระทรวงฯ สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) และผู้แทนจากบริษัทนำเที่ยว My Journey Travel Company Limited ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ออกโปรแกรมทัวร์ฉีดวัคซีนเข้ามาหารือชี้แจงรายละเอียดต่างๆ

นายพิพัฒน์ รมว.การท่องเที่ยวฯ กล่าวว่า บริษัทนำเที่ยวสามารถทำทัวร์ฉีดวัคซีนได้ แต่ต้องทำให้ถูกกฎหมายและศึกษาเงื่อนไขให้ละเอียด เพื่อป้องกันการเกิดข้อผิดพลาดและผลกระทบที่จะตามมา โดยได้มอบหมายให้กรมการท่องเที่ยวในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เป็นผู้กำชับผู้ประกอบการที่จะทำทัวร์ในลักษณะดังกล่าวให้ทำให้ถูกกฎหมาย ส่วนผู้ซื้อทัวร์ฉีดวัคซีน เมื่อเดินทางกลับประเทศไทยต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเองในการเข้ากักตัวที่สถานกักกันของรัฐทั้งแบบ ASQ หรือ ALQ เป็นเวลา 14 วัน

นายอนันต์ วงศ์เบญจรัตน์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวเสริมว่า ยืนยันว่าบริษัทนำเที่ยวสามารถขายทัวร์ฉีดวัคซีนได้ แต่ผู้ที่จะทำทัวร์ในลักษณะนี้ต้องปฏิบัติตาม พรบ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 ดังนี้ 1.ต้องเป็นผู้จดทะเบียนและได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว กรณีนำเที่ยวต่างประเทศต้องได้รับใบอนุญาตประเภททั่วไป (รหัส 11) และ 2.การนำเที่ยวจะต้องเป็นไปตามรายการนำเที่ยวที่โฆษณาไว้ และมีองค์ประกอบตามที่กฎหมายกำหนด

นอกจากนี้บริษัทนำเที่ยวควรต้องศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ของประเทศปลายทางในการเดินทางเข้าประเทศในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่น ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการกักตัว ข้อจำกัดในการเดินทางท่องเที่ยว เงื่อนไขในเข้ารับการฉีดวัคซีนของประเทศนั้นๆ รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีน เป็นต้น

สำหรับประชาชนที่สนใจทัวร์ฉีดวัคซีนขณะนี้ ควรตรวจสอบและพิจารณาข้อมูลให้ครอบคลุมทุกด้านก่อนตัดสินใจซื้อทัวร์ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดังนี้ 1.ตรวจสอบการมีใบอนุญาตของบริษัทนำเที่ยวที่เว็บไซต์กรมการท่องเที่ยว www.dot.go.th 2.เช็คประวัติการร้องเรียนบริษัทนำเที่ยว โทร. 0 2141 3171 3.การซื้อทัวร์เป็นการจ่ายเงินซื้อบริการล่วงหน้า ให้พิจารณาความเป็นไปได้ของการเดินทางทุกครั้ง และติดตามสถานการณ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งการซื้อทัวร์ที่ราคาต่ำกว่าทุน

4.เก็บหลักฐานต่างๆ เช่น ใบเสร็จรับเงิน แผนการเดินทาง ว่าบริษัทนำเที่ยวโฆษณาไว้อย่างไร หากมีกรณีร้องเรียน ทางกรมการท่องเที่ยวมีกองทุนเยียวยานักท่องเที่ยวในกรณีที่ไม่ได้รับบริการตามโปรแกรมทัวร์ที่โฆษณาไว้ โดยจะไปเรียกคืนจากบริษัทนำเที่ยวรายดังกล่าวอีกที 5.ตรวจสอบการอนุญาตเดินทางระหว่างประเทศว่า มีมาตรการกักตัวก่อนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศปลายทางอย่างไร สำหรับประเทศไทยยังคงมาตรการกักตัวผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ 14 วัน

และ 6.กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ขอให้ประชาชนที่ประสงค์จะซื้อทัวร์ฉีดวัคซีน ติดต่อสอบถามเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนตัดสินใจ โดยสามารถสอบถามไปที่กรมการกงสุล หรือสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน, สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส, สถานกงสุลใหญ่ ณ นครชิคาโก และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครนิวยอร์ก

“สิ่งสำคัญที่อยากแนะนำแก่ประชาชนก่อนตัดสินใจซื้อทัวร์ฉีดวัคซีน ให้ปรึกษาความพร้อมด้านสุขภาพกับแพทย์ประจำตัวก่อน และซื้อประกันสุขภาพไปด้วย โดยให้ไปคุยกับบริษัทประกันว่ารับคุ้มครองกรณีฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ต่างประเทศแล้วเกิดแพ้หรือมีผลข้างเคียงหรือไม่ นอกเหนือจากประกันอุบัติเหตุที่บริษัทนำเที่ยวจะต้องทำให้ผู้ซื้อทัวร์อยู่แล้ว ขณะเดียวกันบริษัทนำเที่ยวก็อย่าโฆษณาเกินจริง” อธิบดีกรมการท่องเที่ยวกล่าว

162027120823