'วิลาศ' จี้ 'สภาฯ' ตอบ 6ปมสงสัย 'สร้างรัฐสภาใหม่' ก่อนยื่น 'ป.ป.ช.'

         นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์  แถลงที่รัฐสภา เพื่อตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมอาคารประกอบ ที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้รับมอบพื้นที่แล้ว ใน 6 ประเด็น  ว่า 1.การปรับผู้รับจ้างรายวันๆละ 12.28 ล้านบาท กรณีการก่อสร้างอาคารรัฐสภาไม่เสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ซึ่งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ทำหนังสือถึงบริษัทซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด มหาชน ฐานะผู้รับจ้างเพื่อแจ้งเรื่องการปรับเงินนั้น มีความคืบหน้าถึงไหน เพราะผ่านมา 4เดือน ยังไม่มีความเห็นจากสภาฯว่าดำเนินการอะไรไปบ้าง และทราบว่า มีการสั่งการภายในด้วยวาจาให้พิจารณางดค่าปรับ

          2.สิ่งที่เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ระบุจะการส่งมอบงานก่อสร้างเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 แต่ตนเข้าไปสภาฯเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2564 พบว่ายังมีการก่อสร้างอยู่หลายจุด อาทิ ห้องทันตกรรมที่ยังก่อสร้างอยู่ รวมถึงชั้น 11 ที่เป็นโซนเครื่องยอด และโถงงานพระราชพิธี ที่ยังสงวนสิทธิการเปิดใช้พื้นที่ เนื่องจากยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จใช่หรือไม่

           3.การระบุต้องใช้เวลาตรวจรับงาน 6เดือน มีข้อสงสัยคือ ถ้ามีการก่อสร้างผิดจากสัญญา จะคิดค่าปรับอย่างไร

           4.กรณีดินถม มีการทำผิดจากแบบ มีการตรวจรับมอบงานหรือยัง

           5.รายงานการตรวจประเมินอาคารของสมาคมผู้ตรวจสอบอาคารที่เข้ามาตรวจสอบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ เมื่อเดือนธันวาคม 2563-เดือนกุมภาพันธ์ 2564 พบว่า อาคารมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย 192ข้อ แบ่งเป็นเสี่ยงมาก 81 ข้อ เสี่ยงปานกลาง 101 ข้อ เสี่ยงน้อย 10ข้อ และได้แจ้งรายงานความเสี่ยงให้สภาฯทราบแล้วเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 

      "ความเสี่ยงที่ตรวจประเมินนั้น ไม่แน่ใจว่าแก้ไขตามข้อเสนอก่อนส่งมอบงานหรือยัง จุดที่มีความเสี่ยงมากคือ เส้นทางหนีไฟที่ใช้วัสดุไม่ทนไฟติดเข้ากับผนังบันไดที่ช่องบันไดหนีไฟ เมื่อเกิดเพลิงไหม้ วัสดุเหล่านี้ไม่สามารถทนความร้อนที่เกิดขึ้นได้ ความสว่างภายในบันไดหนีไฟไม่เพียงพอ มองไม่เห็นเส้นทาง บันไดหนีไฟ 30บันได มีความกว้างต่ำกว่ามาตรฐาน ทำให้เกิดความแออัดในการอพยพหนีไฟ รวมถึงช่องจ่ายลมอัดอากาศภายในช่องบันไดหนีไฟภายในอาคารชั้น 10และ11 ข้างโถงพระโรง ไม่พบช่องจ่ายลม ทำให้ไม่สามารถป้องกันควันไฟจากภายนอกเข้ามาในช่องบันไดข้างโถงพระโรงได้" นายวิลาศ กล่าว

          นายวิลาศ กล่าวด้วยว่า 6.สภาฯมีการปกปิดไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อโควิดในสภาฯ ไม่แจ้งว่า ผู้ติดเชื้อเดินทางไปไหนมาบ้าง เป็นการทำผิดพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 จะรอคำชี้แจงจากผู้เกี่ยวข้องในเรื่องเหล่านี้ หากพบว่าคำตอบที่ได้ไม่ตรงกับข้อมูลที่ตนมีอยู่ จะยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ดำเนินการเอาผิดผู้เกี่ยวข้องต่อไป.