‘ดาวโจนส์’พุ่ง 238 จุด

‘ดาวโจนส์’พุ่ง 238 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันจันทร์ (3พ.ค.)ทะยาน 238 จุดเพราะได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่ง ประกอบกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐสดใส

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 238.38 จุด หรือ 0.70% ปิดที่ 34,113.23 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 11.49 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 4,192.66 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 67.56 จุด หรือ 0.48% ปิดที่ 13,895.12 จุด

บรรดาบริษัทต่างๆในเอสแอนด์พี 500 รายงานผลประกอบการรายไตรมาสออกมาแล้วมากกว่าครึ่ง จนถึงตอนนี้พบเห็นมีกำไรเพิ่มขึ้น 46% ในไตรมาสแรก มากกว่าที่ประมาณการไว้ว่าน่าจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 24% ในช่วงต้นเดือนเม.ย.

หุ้นกลุ่มธุรกิจเรือสำราญและสายการบิน รวมทั้งหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐต่างดีดตัวขึ้น

อย่างไรก็ตาม วันนี้ ถือเป็นการซื้อขายวันแรกของเดือนพ.ค. ซึ่งที่ผ่านมา นักลงทุนสหรัฐมักมีคำกล่าวกันว่า “Sell in May and Go Away” หรือ “ขายหุ้นในเดือนพ.ค. ก่อนเผ่นออกจากตลาด” ซึ่งเป็นการแนะนำให้นักลงทุนเทขายหุ้นเพื่อทำกำไรจากการพุ่งขึ้นในช่วงเดือนพ.ย.-เม.ย. ก่อนที่จะถอนตัวอยู่นอกตลาดในช่วงเดือน พ.ค.-ต.ค.

สถิติที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมักมีผลตอบแทนค่อนข้างต่ำในช่วงเดือนพ.ค.-ต.ค. โดยนับตั้งแต่ปี 2489 พบว่า ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ให้ผลตอบแทนในเดือนพ.ย.-เม.ย.เฉลี่ยสูงถึง 6.8% เมื่อเทียบกับระดับ 1.6% ในช่วงเดือนพ.ค.-ต.ค.

อย่างไรก็ดี สถานการณ์ดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงไปในปีนี้ โดยตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้รับอานิสงส์จากการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเปิดเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ต่อสภาคองเกรส รวมทั้งผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่มีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในวงกว้าง และนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป และจะยังไม่ปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) แม้เศรษฐกิจสหรัฐมีการฟื้นตัวขึ้นก็ตาม

นักลงทุนจับตาตัวเลขภาคการผลิตของสหรัฐในวันนี้ รวมทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์