‘ดาวโจนส์’พักฐานร่วง 185 จุดหลังพุ่งแรงวันก่อน

‘ดาวโจนส์’พักฐานร่วง 185 จุดหลังพุ่งแรงวันก่อน

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันศุกร์ (30 เม.ย.)ร่วงลง 185 จุดหลังจากพุ่งแรงวานนี้ โดยตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวลง แม้บริษัทแอมะซอนเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 185.51 จุด ปิดที่ 33,874.85 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลง 0.7% ปิดที่ 4,181.17 จุด และดัชนีแนสด็ก ร่วง 0.9% ปิดที่ 13,962.68 จุด

บริษัทอเมซอน เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 1 โดยระบุว่า บริษัทมีกำไร 15.79 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.54 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่รายได้อยู่ที่ระดับ 1.0852 แสนล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.0447 แสนล้านดอลลาร์

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อวันพฤหัสบดี(29เม.ย.) ขานรับการขยายตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ดีเกินคาด รวมทั้งการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเปิดเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อสภาคองเกรส และนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป และจะยังไม่ปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) แม้เศรษฐกิจสหรัฐมีการฟื้นตัวแข็งแกร่งมากขึ้นก็ตาม

ขณะที่ราคาหุ้นแอ๊ปเปิ้ลร่วงลงเกือบ 1% ในวันนี้ หลังจากที่คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (อียู) แถลงว่า บริษัทแอ๊ปเปิ้ล อิงค์ละเมิดกฎหมายป้องกันการผูกขาดตลาด โดยได้ครอบงำตลาดแอปพลิเคชั่นสตรีมมิ่งเพลงผ่านทางแอ๊ป สโตร์


ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้น 4.2% ในเดือนมี.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.1% หลังจากลดลง 1.0% ในเดือนก.พ.

นอกจากนี้ รายได้ส่วนบุคคลพุ่งขึ้น 21.2% ในเดือนมี.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 20.3% หลังจากลดลง 7.0% ในเดือนก.พ.

การพุ่งขึ้นของการใช้จ่ายและรายได้ส่วนบุคคลได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลสหรัฐส่งเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (พีซีอี) เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายปี ดัชนีพีซีอีดีดตัวขึ้น 2.3% ในเดือนมี.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 1.5% ในเดือนก.พ.

ส่วนดัชนี พีซีอีพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายปี ดัชนีพีซีอี พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 1.8% ในเดือนมี.ค.