วัคซีนโควิด-19 ทางรอดเศรษฐกิจไทย 2564

วัคซีนโควิด-19 ทางรอดเศรษฐกิจไทย 2564

เวลานี้ "วัคซีน" คือเครื่องมือเดียวที่จะช่วยให้เศรษฐกิจผ่านวิกฤติไปได้ หากสถานการณ์ยังดำเนินแบบนี้ต่อไปโดยไม่มีวัคซีน เศรษฐกิจจะเสียหาย และหากเกิดระลอกที่สี่และห้า เศรษฐกิจจะเสียหายอย่างไม่จบสิ้น ขณะที่เงินเยียวยาของรัฐก็หมดลง

ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในไทยมีความน่าเป็นห่วงอย่างมาก หลังมีการแพร่ระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ล่าสุดตัวเลขพุ่งสูงทั้งยอดผู้ติดเชื้อและยอดผู้เสียชีวิต หลังผ่านพ้นเทศกาลสงกรานต์ ผมขอให้ทุกคนดูแลตัวเอง การ์ดไม่ตก และขอเป็นกำลังใจให้ทีมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทุกคนฟันฝ่าผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้นะครับ

นับตั้งแต่โควิด-19 มีการระบาดในไทยถึงปัจจุบัน ส.อ.ท.ในฐานะองค์กรภาคเอกชนพร้อมร่วมสู้วิกฤติอย่างเต็มที่ ย้อนไปช่วงการระบาดในระลอกแรก ส.อ.ท.ได้ทำทุกวิถีทางในการผลิตหน้ากากผ้า เจรจากับกระทรวงการคลังจนปลดล็อกเกณฑ์การผลิตเจลแอลกอฮอล์ล้างมือให้สะดวกขึ้น รวมทั้งเดินหน้าผลิตชุดพีพีอีแจกจ่ายแก่บุคลากรการแพทย์จากปกติไทยนำเข้าเป็นหลัก จนเพียงพอต่อทีมแพทย์

เมื่อถึงระลอกที่สอง ส.อ.ท.ได้ร่วมมือกับทุกคลัสเตอร์ และ 45 กลุ่มอุตสาหกรรม จัดตั้งโรงพยาบาลสนามขึ้นใน จ.สมุทรสาคร (ศูนย์ห่วงใยคนสาคร แห่งที่ 10 จ.สมุทรสาคร) และเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันได้พยายามผลักดันให้ภาครัฐกำหนดให้การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อเตรียมพร้อมกับการฉีดในปริมาณมาก ต้องใช้ซัพพลายเชนและระบบโลจิสติกส์ที่เพียงพอ พร้อมประสานกับกระทรวงสาธารณสุขในการเสนอให้นำเข้าวัคซีนสำหรับภาคเอกชนที่มีความพร้อมรับภาระค่าใช้จ่าย เพื่อฉีดให้พนักงานของตนเอง

ขณะเดียวกันยังออกแบบและผลิตตู้แช่วัคซีนมาตรฐาน นำโดยกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม และกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น เพื่อบริจาคให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ พร้อมทั้งร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงอุตสาหกรรม กำหนดมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมให้มีการผลิตสินค้า ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดจากโควิด-19 ด้วย (IPHA)

ล่าสุดกับการระบาดระลอกที่สาม ส.อ.ท.ได้จัดประชุมกรรมการบริหารนัดพิเศษเพื่อหารือถึงความจำเป็นในการจัดหาและฉีดวัคซีนให้กับคนไทยโดยเร่งด่วน ซึ่งที่ประชุมได้มีมติตั้งคณะทำงานขึ้นมา 4 ชุด ประกอบด้วย ชุดจัดหาวัคซีน ชุดกระจายวัคซีน ชุดความเชื่อมั่น และชุดอำนวยการ

จากนั้นผมได้เสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ซึ่งหอการค้าฯ มีแนวคิดการจัดตั้งคณะทำงาน 4 ชุด ทำหน้าที่คล้ายกัน ที่ประชุม กกร.จึงมีมติร่วมตั้งคณะทำงาน 4 ชุด และเตรียมหารือร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อทำงานร่วมกันต่อไป

ผมขอเรียนว่า เวลานี้วัคซีนคือเครื่องมือเดียวที่จะช่วยให้เศรษฐกิจผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ หากสถานการณ์ยังดำเนินแบบนี้ต่อไปโดยไม่มีวัคซีน เศรษฐกิจจะเสียหาย และหากโควิด-19 ระบาดเป็นระลอกที่สี่และระลอกที่ห้า จะส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจและประเทศชาติอย่างไม่จบสิ้น ขณะที่เงินเยียวยาของรัฐก็หมดลง ล่าสุด กกร.มีมติปรับลดจีดีพีปี 2564 เหลือ 1.5-3.0% แล้ว จากเดิมที่คาดการณ์ 1.5-3.5%

สุดท้ายนี้ ผมอยากให้ภาครัฐดำเนินการเรื่องนี้โดยด่วน ซึ่ง ส.อ.ท.พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ผ่านคณะทำงาน 4 ชุดที่จัดตั้งขึ้น และทุกเครื่องมือที่มีอยู่ ผมเชื่อว่าหากทุกฝ่ายร่วมมือกัน ไทยจะผ่านพ้นวิกฤตินี้ กลับมาปลอดภัย แข็งแกร่งอีกครั้งครับ

หากท่านผู้อ่านหรือนักธุรกิจท่านใดอยากทราบข้อมูลด้านอุตสาหกรรมเพิ่มเติม สามารถแอดไลน์ของสภาอุตสาหกรรมฯ ได้ที่ @ftithailand หรือทักเข้ามาได้ที่เฟซบุ๊คของผมตามลิงก์นี้ครับ www.facebook.com/ftichairman