ธุรกิจร้านอาหาร 6 จังหวัดสีแดงเข้มกุมขมับ! คาดยอดขายหายไปกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท

ธุรกิจร้านอาหาร 6 จังหวัดสีแดงเข้มกุมขมับ!  คาดยอดขายหายไปกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท

โควิด-19 ระลอก 3 ทุบธุรกิจร้านอาหาร! “สมาคมภัตตาคารไทย” เผยคำสั่ง "ศบค." งดนั่งทานอาหารในร้านในพื้นที่ 6 จังหวัดสีแดงเข้ม คาดสะเทือนยอดขายร้านอาหารหายไปกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท

นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า จากกรณีที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) มีคำสั่งให้ 6 จังหวัดสีแดงเข้ม ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี ชลบุรี และเชียงใหม่ งดนั่งรับประทานอาหารในร้านและให้ซื้อกลับบ้านเท่านั้นถึงเวลา 21.00 น. เป็นเวลา 14 วัน เริ่มวันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นไป จะสร้างผลกระทบให้ร้านอาหารใน 6 จังหวัด ยอดขายลดลง วันละ 1,000 ล้านบาท รวม 14 วัน เป็น 14,000 ล้านบาท

บรรดาธุรกิจร้านอาหารจึงอยากขอผ่อนผันไปก่อน 7 วัน เนื่องจากมีวัตถุดิบที่สต็อกไว้ หรือขอให้พิจารณาเปิดให้นั่งทานในร้านที่ได้รับตราสัญลักษณ์มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA) ที่ออกให้โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับกรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข แต่ตนเองได้พูดคุยกับผู้ประกอบการร้านอาหารว่า อย่าไปคัดค้านเลย เพราะทาง ศบค.ต้องการเห็นผลการลดจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 จึงขอไว้ที่ 14 วันก่อน

ทั้งนี้ได้หารือกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้ทางสมาคมภัตตาคารไทย ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงผลกระทบที่ได้รับ รวมทั้งมาตรการที่จะทำให้รัฐบาลมั่นใจได้ว่า คนที่เข้ามาใช้บริการในร้านอาหารจะไม่ได้รับการติดเชื้อ เพราะในที่ประชุม ศบค.มีสถิติที่กระทรวงสาธารณสุขสำรวจจากผู้ที่ติดเชื้อจำนวนมาก พบว่ามาจากการนัดพบเข้าไปรับประทานอาหารในร้านและพูดคุยกัน

“ทางสมาคมจะทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ ในสัปดาห์หน้าว่าร้านอาหารที่ได้รับตรามาตรฐาน SHA มีมาตรการดูแลสุขอนามัยอย่างดี และเมื่อครบ 14 วันแล้วจะจัดโต๊ะนั่งแบบเว้นระยะห่าง และให้มีฉากกั้นเพื่อป้องกันการติดเชื้อ รวมทั้งจะให้ร้านอาหารยกระดับตัวเองเพื่อให้ได้รับตรามาตรฐาน SHA เพื่อความสบายใจและปลอดภัยของผู้มาใช้บริการ นอกจากนี้ต้องขอให้รัฐบาลเยียวยาผู้ประกอบการร้านอาหาร ทั้งเรื่องขอเงินกู้ดอกเบี้ยผ่อนปรน และลดเงินนำส่งเข้ากองทุนประกันสังคมด้วย” นางฐนิวรรณกล่าว