XO - ซื้อ

XO - ซื้อ

คาดกำไร 1Q64 เติบโต QoQ และ YoY จากยุโรปล็อกดาวน์

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

รายงานกำไรปี 63 เติบโต 161% YoY จากรายได้เติบโต 28%YoY : บริษัทมีรายได้ปี 63 เท่ากับ 1,267 ลบ. +28%YoY โดยเติบโตจากตลาดยุโรปเป็นหลักเนื่องจากประชาชนมีการซื้อวัตถุดิบเพิ่มขึ้นเพื่อประกอบอาหารเองในช่วงล็อกดาวน์ ขณะที่ยอดขายในประเทศอังกฤษค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นจากปีก่อนหลังเปลี่ยนผู้จัดจำหน่ายรายใหม่ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอีก 1-2 ปีกว่ารายได้จะกลับสู่ภาวะก่อนเปลี่ยนผู้จัดจำหน่าย ขณะที่ %GPM ปรับดีขึ้นมาที่ระดับ 40.6% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 35.6% เนื่องจากเกิด Economies of scales ในการผลิตและบริษัทได้ทำสัญญาซื้อกระเทียมและน้ำตาลทรายล่วงหน้าไปจนถึงปลายปี 2564 ด้านสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายปรับตัวลงจาก 23.7% สู่ 15% ของยอดขายในปี 63 เนื่องจากไม่มีการออกงานแสดงสินค้าและการปันส่วนค่าเสื่อมราคาของโรงงานเป็นค่าใช้จ่ายบริหารลดลงหลังโรงงานใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น  ทั้งนี้ บริษัทรายงานกำไรปี 63 ที่ 318 ลบ. +161%YoY

คาดผลประกอบการ 1Q64 เติบโต QoQ และ YoY : ฝ่ายวิจัยคาดว่ารายได้ 1Q64 จะเติบโตราว 5-7% สู่ 325-331 ลบ. โดยได้แรงหนุนจากการประกาศล็อกดาวน์รอบ 3 ของประเทศแถบยุโรปในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2564 ซึ่งล่าสุดจำนวนผู้ติดเชื้อในยุโรปยังคงทรงตัวในระดับสูงเป็นปัจจัยหนุนต่อยอดขายของบริษัท ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะทรงตัวในระดับสูงที่ 41-42% ตามการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น  ส่งผลให้เราคาดกำไรสุทธิราว  90-95 ลบ. เติบโต  9-16%QoQ และเติบโต 91-102%YoY

- คงประมาณการกำไรปี 64 และ 65 ที่ 336 และ 359 ลบ. เติบโต 5% และ 7% ตามลำดับ: ฝ่ายวิจัยคงคาดการณ์รายได้ปี 64 และ 65 ที่ 1.42 พันลบ. และ 1.59 พันลบ.เติบโต 12% และ 10% ตามลำดับ และคาดการณ์กำไรปี 64 และ 65 ที่ 336 ลบ. และ 359 ลบ. เติบโต 5% และ 7% ตามลำดับ โดยได้แรงหนุนจากการแพร่ระบาดของ COVID  ในยุโรปที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้หลายประเทศประกาศ ล็อกดาวน์รอบ 3 ในช่วงมีนาคม 2564 นอกจากนี้บริษัทมีการจ่ายค่าเริ่มจำหน่ายในซุเปอร์มาร์เก็ต (Listing fee) ในประเทศแถบยุโรปเพื่อให้สินค้าของบริษัทมีการกระจายได้ครอบคลุมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น  นอกจากนี้หากกลยุทธ์ดังกล่าวประสบความสำเร็จจะปรับใช้กับภูมิภาคอื่นเพิ่มเติม ด้านต้นทุนการผลิตบริษัทได้ล็อกราคาน้ำตาล กระเทียม และพริกไว้จนถึงปลายปี 64 ทำให้คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้นสู่ 41-42% ซึ่งสูงกว่าปี 63 ที่ 40.6%

คงคำแนะนำ ซื้อที่ราคาเหมาะสม 15.00 บาท : ฝ่ายวิจัยประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี Prospective PE ที่ระดับ PE ราว 19 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย PE Ratio ย้อนหลัง 1 ปี และคาดกำไรต่อหุ้นปี 64 ที่ 0.79 บาทต่อหุ้น ได้ราคาเหมาะสมที่ 15.00 บาท ซึ่งมี Upside จากราคาปิดล่าสุดจึงคงแนะนำ ซื้อ

ความเสี่ยง

  1. ราคาวัตถุดิบปรับตัวขึ้น
  2. ค่าเงินบาทแข็งค่า

    3. การแพร่ระบาดโควิด-19 สิ้นสุดลง