‘ดาวโจนส์’ปิดทะยาน 239 จุดขานรับสารพัดปัจจัยบวก

‘ดาวโจนส์’ปิดทะยาน 239 จุดขานรับสารพัดปัจจัยบวก

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพฤหัสบดี(29เม.ย.)ทะยาน 239 จุด ขานรับตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 239.98 จุด หรือ 0.71% ปิดที่ 34,060.36 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 28.29 จุด หรือ 0.68% ปิดที่ 4,211.47 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 31.51 จุด หรือ 0.22% ปิดที่ 14,082.55 จุด

ราคาหุ้นแอ๊ปเปิ้ลและเฟซบุ๊คต่างพุ่งขึ้นในวันนี้ หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ บริษัทแมคโดนัลด์ คอร์ป และบริษัทคอมแคสต์ ต่างก็รายงานกำไรและรายได้ในไตรมาส 1 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

หุ้นกลุ่มธุรกิจเรือสำราญดีดตัวขึ้นเช่นกัน หลังจากที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (ซีดีซี) ระบุว่า สหรัฐจะเปิดท่าเรือทั่วประเทศในกลางเดือนก.ค. ซึ่งจะทำให้เรือของสหรัฐสามารถเริ่มเดินทางออกจากท่าเรือในช่วงเวลาดังกล่าว

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 1/2564 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 6.4% ในไตรมาส 1 ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ในช่วง 6.1-6.5% และเป็นตัวเลขการขยายตัวสูงเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ไตรมาส 3/2546 หลังจากที่เติบโต 4.3% ในไตรมาส 4/2563

นอกจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 33.4% ในไตรมาส 3/2563 ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2490 หรือมากกว่า 70 ปี จากการที่สหรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และมีการเปิดเศรษฐกิจ หลังจากหดตัว 31.4% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงเป็นประวัติการณ์ และหดตัว 5% ในไตรมาส 1 ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากมีการหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัวมากกว่า 7.0% ในปีนี้ ซึ่งจะเป็นการขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2527 หลังจากหดตัว 3.5% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดในรอบ 74 ปี

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 13,000 ราย สู่ระดับ 553,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐเมื่อเดือนมี.ค.2563

ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลงสู่ระดับ 3.66 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.2563

นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงต่อสภาคองเกรสในวันนี้ รวมทั้งการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป และจะยังไม่ปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) แม้เศรษฐกิจสหรัฐมีการฟื้นตัวแข็งแกร่งมากขึ้นก็ตาม

ด้านนายบิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก กล่าวว่า นครนิวยอร์กจะกลับมาเปิดอย่างสมบูรณ์ 100% ในวันที่ 1 ก.ค.

“แผนของเราคือการเปิดเมืองอย่างสมบูรณ์ในวันที่ 1 ก.ค. โดยเราพร้อมเปิดห้างสรรพสินค้า เปิดธุรกิจ เปิดสำนักงาน เปิดโรงภาพยนตร์ อย่างเต็มที่ เนื่องจากเราเห็นว่าประชาชนได้เข้ารับการฉีดวัคซีนจำนวนมาก และผมเชื่อว่าผู้คนจะหลั่งไหลมายังนครนิวยอร์ก เนื่องจากพวกเขาต้องการที่จะกลับมาอยู่ที่นี่” นายเดอ บลาซิโอกล่าว

การเปิดเมืองครั้งนี้จะถือเป็นครั้งแรกของนครนิวยอร์กในรอบกว่า 1 ปี โดยร้านอาหาร, ร้านทำผม, สถานที่ออกกำลังกาย และสนามกีฬาจะสามารถรับลูกค้าได้เต็มความจุของสถานที่