จับตา 'พี่ใหญ่บุรีรัมย์-พี่น้อง 3 ป.' เดิมพัน 'ภูมิใจไทย' (ไม่)ถอนตัว

จับตา 'พี่ใหญ่บุรีรัมย์-พี่น้อง 3 ป.' เดิมพัน 'ภูมิใจไทย' (ไม่)ถอนตัว

“โควิด” รอบ 3 ไม่ใช่วิกฤติเฉพาะสถานการณ์โรค แต่พิษยังระบาดมาถึงการเมืองระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล การนัดเคลียร์ใจของ "ประยุทธ์- เนวิน" ในทำเนียบฯ บทสรุปจะออกมาอย่างไร ไม่มีใครรู้?

วาระแหก "รัฐมนตรีจอมนินทา" ที่นายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา เจตนาเตือนให้ได้ยินทั้ง ครม.เมื่อวันอังคาร 27 เม.ย.2564 ที่ผ่านมา เมื่อมีการขู่ “ยึดโควตา” คืน ย่อมไม่พ้นถูกตีความถึงพรรคร่วมรัฐบาล แต่จะเป็นรัฐมนตรีพรรคไหน วงในก็คงรู้ตัวกันแล้ว

จริงอยู่แม้จะเป็นเรื่องธรรมดาสไตล์ “นายทหารด่าลูกน้อง” หากเป็นบริบทกองทัพ แต่สำหรับสังคมนักการเมืองแล้วถือเป็น “เรื่องร้ายแรง”

ความหงุดหงิดออกนอกหน้า ไม่เก็บอาการของ พล.อ.ประยุทธ์ ครั้งนี้ แม้จะพอเข้าใจกันได้ว่า เครียดกับปัญหาแก้วิกฤติโควิดที่พันกับการเมืองอย่างแยกไม่ออก แต่เจตนาฟาดเฉพาะรัฐมนตรีบางพรรค ย่อมสะท้อนถึงเอกภาพในรัฐบาล

“โควิด” รอบ 3 ไม่ใช่วิกฤติเฉพาะสถานการณ์โรค แต่พิษยังระบาดมาถึงการเมืองระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งที่ต้องร่วมมือกันแก้สถานการณ์และเบรกกระแสขาลง แต่เนื่องจากปัญหาบริหารจัดการโควิดที่ซ้อนทับกับการบริหารอำนาจการเมือง ที่นายกฯ จำเป็นต้องริบและรวบอำนาจนักการเมือง ได้ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันแรง โดยเฉพาะนายกฯ ประยุทธ์ ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนพรรคพลังประชารัฐซัดรัฐมนตรีพรรคร่วม

จะว่าไปแล้ว การระบาดรอบแรกที่มีการรวบอำนาจเช่นกันจนเอาอยู่ ดูเหมือนรัฐบาลจะเก็บแต้มการเมืองไปได้ไม่น้อย โดยเฉพาะนายกฯ ประยุทธ์ และ "อนุทิน ชาญวีรกูล" รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แต่อุบัติการณ์รอบ 3 นี้มาแรงและเร็ว กลับทำให้ภูมิใจไทยกลายเป็นพรรคกระสุนตก ตั้งแต่กรณีคลัสเตอร์ทองหล่อ ยันมาถึงกรณีวัคซีนป้องกันโควิด-19 เตียงสนาม และสายไม่ด่วน 1668 เรียกได้ว่า เรตติ้งพรรค และหัวหน้าพรรค สะเทือนจนแทบตั้งรับไม่ทัน

กองเชียร์และลูกพรรคเห็นใจว่า ที่ผ่านมารัฐมนตรีอนุทิน ก็ถูกนายกฯ ริบอำนาจ กันออกนอกวงคณะกรรมการวัคซีน จึงทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากเดินกุมมือ ตาม “ครับ” รับคำสั่งหัวหน้ารัฐบาล โดยไม่สามารถโชว์เพาว์อะไรได้เหมือนที่ผ่านมา และหลายครั้ง ยังดูเหมือนถูกนายกฯ ดิสเครดิต ที่เห็นกันจะๆ ก็เรื่องสายไม่ด่วน 1668 ที่เหมือนถูกประจานต่อสังคม

มาถึงจุดนี้ พลพรรคภูมิใจไทยส่วนใหญ่ยังพยายามกลืนเลือด เพราะไม่อยากให้ปัญหาการเมืองเป็นโรคแทรกซ้อนรัฐบาล แต่จู่ๆ ปรากฎว่า “ศุภชัย ใจสมุทร” มือกฏหมายของพรรค โพสต์เฟซบุ๊ก Suphachai Jaismut ปะฉะดะ ไปยังหัวหน้ารัฐบาล ชนิด ส.ส.พรรคเดียวกัน ยันฝ่ายตรงข้าม ตาค้าง เพราะเป็นการอธิบายความเรื่องการบริหารจัดการโควิดที่ผิดพลาด ซัดไปที่การใช้อํานาจพิเศษของนายกฯประยุทธ์ ตัดการมีส่วนร่วมของภาคการเมืองออก ตัดคณะรัฐมนตรีออกจากการทํางานใน ศบค. แต่กลับเอาสภาความมั่นคงแห่งชาติมานำแทนสาธารณสุข

ล่าสุดเพียงข้ามวัน ก็ลุยยกสอง ในเฟสบุ๊ค “ศุภชัย ใจสมุทร” ด้วยการออกโรงปกป้องหัวหน้าอนุทินว่า นาทีนี้เป็น “ชายเดียว” ที่ยืนโดดเดี่ยวในหมู่บ้านกระสุนตก โดนจัดหนัก จัดเต็ม ถูกจับเป็น “แพะ” บูชายัญ จากสถานการณ์โควิดรอบนี้

พร้อมกับสาธยายความทุ่มเทของอนุทินมาตั้งแต่ต้น แต่วันนี้กลับเจอทั้งแคมเปญไล่เพื่อระบายอารมณ์ และหวังผลทางการเมือง

ทิ้งท้ายในเนื้อหาที่ดูว่าไม่น่าจะใช้สำนวนเจ้าของเฟสบุ๊ค ที่ฝากถึง “บิ๊กตู่” ว่า "ในการศึกโควิด-19 ตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ใครคือขุนศึกร่วมรบ ก็เห็นมีแต่ “รองนายกหนูเพียงหนึ่งเดียว” ที่เป็น “หนังหน้าไฟ” ออกมา “ไฟท์” กับทุกเหตุการณ์ ฟาดกับฝ่ายตรงข้าม รับหอกรับดาบให้ลุงอย่างไม่เกรงสิ่งใด คำตอบชัดคือ “เสี่ยหนู”เวลานี้รัฐบาลควรเป็นหนึ่งเดียว อย่าให้ผู้ไม่หวังดีที่คอยเป่าขนหาแผล คิดว่าเจอรอยแยก แล้วปั่นให้ปริแตก “คนที่มีใจจริง” ไม่ใช่คนที่ออกฉากแล้วมีแต่คำพูดที่สวยหรู แต่คือคนไม่ฆ่าน้อง ที่ทำงานใต้บังคับบัญชา ไม่ฟ้องนาย ที่เป็นผู้นำทีม ไม่ขายเพื่อน ที่ต้องทำงานร่วมกัน" 

ชอตนี้ เรียกได้ว่า “เดือด” ขั้นสุด ศึกตัวแทนคราวนี้ ดูไม่น่าจะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง และถึงแม้จะเป็นความเห็นส่วนตัว แต่คนการเมือง ไม่ต้องวิเคราะห์ก็รู้ว่า “ศุภชัย” คือตัวแทนใคร และถ้อยความสำบัดสำนวนนี้ อาจไม่ได้มาจากฝีมือศุภชัยโดยตรง

หากย้อนไปดูความสัมพันธ์ในอดีตระหว่างผู้มีอำนาจระหว่างผู้มีอำนาจในปัจจุบัน โดยเฉพาะ “พี่น้อง 3 ป” กับ “พี่ใหญ่บุรีรัมย์” ผู้มีบารมีเหนือภูมิใจไทย ที่แนบแน่นมาตั้งแต่ยุคผนึกกำลังตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในปี 2551 โดยในช่วงปฏิบัติการ “หักนายใหญ่” ด้วยวรรคทอง “ทุกอย่างจบแล้วครับนาย”  ที่ “เนวิน ชิดชอบ” ตัดสินใจเข้าร่วมตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์

ช่วงนั้นเองทำให้ “เนวิน” สนิทสนมกับ "3 ป" บูรพาพยัคฆ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

โดยก่อนเลือกตั้งใหญ่ ปี 2554 “พี่น้อง 3 ป” หนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญเปลี่ยนระบบเลือกตั้งจากพวงใหญ่ให้เป็นเขตเดียวเบอร์เดียว มีการออกแบบให้ภูมิใจไทยลุยสนามอีสาน ประสานประชาธิปัตย์ยึดภาคใต้ และภาคกลาง แต่แผนครั้งนั้นไม่ประสบความสำเร็จ เพราะกระแสนายกฯหญิง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” มาแรงเกินต้าน 

ช่วงเริ่มต้นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และสถานการณ์ภูมิใจไทยพ่ายเลือกตั้งยับเยิน “เนวิน” จึงตัดสินใจหันหลังให้การเมืองไปลุยธุรกิจฟุตบอล พร้อมกับปรับแผนใหม่ วางเกมดัน “อนุทิน” เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรค เนื่องจากไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กับคนแดนไกล

ขณะที่ "เนวิน" ก็ยังเป็นคนสนิทของ “พี่น้อง 3 ป” และดูแลกันมาตลอด อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงรัฐบาล คสช. จนมาถึงการเลือกตั้งปี 2562