ความร้ายแรง 'โควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย'

ความร้ายแรง 'โควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย'

โควิด 19 สายพันธุ์อินเดีย ที่ระบาดหนักจนทำให้ระบบสาธารณสุขประเทศล่ม ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลว่า "วัคซีนโควิด19" ที่มีออกมาใช้อยู่ทั่วโลก จะมีประสิทธิภาพป้องกันสายพันธุ์นี้

ในราว 1 เดือน อินเดียมีโควิด-19 ระบาดหนักยอดผู้ติดเชื้อรายวันจาก 1 แสนราย ขยับเป็นหลายแสนรายต่อวัน จนทำให้ระบบสาธารณสุขของประเทศล่ม แม้ไม่ได้เป็นประเทศชายแดนติดกับไทยและไทยมีระบบกักกันผู้เดินทางจากต่างประเทศ

แต่สายพันธุ์อินเดีย เป็นที่กังวลใจของคนไทยมากขึ้น เมื่อมีข่าวว่ามหาเศรษฐีอินเดียต่างพากันเดินทางออกนอกประเทศ และหนึ่งในเป้าหมายคือ "ประเทศไทย"

ไวรัสอินเดียกลายพันธุ์ 2 ตำแหน่ง

กระทรวงสาธารณสุขของอินเดียออกแถลงการณ์ระบุว่า สายพันธุ์ดังกล่าวอาจทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น และไวรัสอาจหลุดรอดระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

ทั้งนี้ ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียมีการกลายพันธุ์ใน 2 ตำแหน่งคือ E484Q และ L452R โดยที่ผ่านมา พบการกลายพันธุ์ดังกล่าวแยกกันในไวรัสหลายสายพันธุ์ แต่มีการพบการกลายพันธุ์ทั้ง 2 ตำแหน่งดังกล่าวในไวรัสสายพันธุ์อินเดีย และพบการกลายพันธุ์ที่หนามโปรตีนของไวรัส ทำให้ไวรัสมีการยึดเกาะกับเซลล์ในร่างกายมนุษย์ได้ดีขึ้น และเป็นสาเหตุทำให้ไวรัสมีการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว

แพร่เร็ว-อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพวัคซีน
องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) แถลงที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อเร็วๆนี้ว่า ไวรัสก่อโรคโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย (B.1.617) อาจมีความสามารถในการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยไวรัส มีการกลายพันธุ์ 2 ตำแหน่ง ซึ่งตรวจพบในไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์อื่นมาก่อน รวมถึงไวรัสกลายพันธุ์ที่พบในบราซิลและแอฟริกาใต้


ผู้เชี่ยวชาญจึงวิตกว่า ลักษณะเฉพาะเหล่านี้จะทำให้ไวรัสกลายพันธุ์ดังกล่าวแพร่ระบาดได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมทั้งยังอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการป้องกันโรคของวัคซีนด้วย

161932320447

อาจติดไวกว่าสายพันธุ์อังกฤษ

ขณะที่ ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา  ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ(ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) อธิบายไว้ในเฟซบุ๊คส่วนตัวว่า ลองเปรียบเทียบดูข้อมูลของอินเดียตอนนี้ระหว่างสายพันธุ์อังกฤษ (B.1.1.7) สายพันธุ์แอฟริกาใต้ (B.1.351) และ สายพันธุ์อินเดีย Double mutant (B.1.617) จะเห็นชัดว่า สายพันธุ์อินเดียกำลังสร้างปัญหาหนักจริงๆ ทุกคนเห็นพ้องว่า B.1.1.7 มันติดง่ายติดไวจริงๆ แต่กราฟนี้เหมือนจะบอกว่า B.1.617 ไม่น่าจะด้อยกว่าเลย

ยังไม่อยากสรุปว่ามันติดไวกว่าสายพันธุ์อังกฤษ เพราะข้อมูลยังมีไม่มากพอ แต่ สามแสนกว่าเคสทุกวัน ทำให้อดกังวลไม่ได้จริงๆ ถ้าจะมาไทยจริงๆขอให้เรารู้ตัวไว หนักจะได้เป็นเบา

สายพันธุ์อินเดียเริ่มระบาดในอังกฤษ

ดร.อนันต์ บอกอีกว่า B.1.617 คือ ไวรัสสายพันธุ์อินเดีย ที่ตอนนี้ไปเริ่มระบาดในอังกฤษ สร้างความวิตกให้กับคนอังกฤษพอสมควร ดูจากกราฟจะเห็นได้ชัดเจนว่า ไวรัสสายพันธุ์นี้เพิ่งค้นพบในอังกฤษได้ไม่นาน เคสมันไต่ขึ้นไวกว่าสายพันธุ์แอฟริกาใต้ (B.135) และ บราซิล (P1) อย่างชัดเจน ... เท่าๆกับไวรัสอังกฤษที่ระบาดในช่วงแรกๆ นักวิจัยอังกฤษทำการถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสได้ไวมาก (น่าจะที่สุดในโลก) ทำให้เห็นข้อมูลชัดว่า สายพันธุ์ไหนจะเป็นตัวปัญหาตัวต่อไป... ประเด็นสำคัญคือ ตอนนี้คนอังกฤษฉีดวัคซีนไปได้เยอะมากๆแล้ว ถ้า B.1.617 พุ่งสูงได้ต่อไปอีกเรื่อยๆแบบนี้ จึงเป็นข้อมูลที่เราต้อง "Serious" กับไวรัสอินเดียตัวนี้จริงๆ...

161932405466

มีแนวโน้มที่จะลดประสิทธิภาพของวัคซีน

จากที่มีรายงานการอนุมัติวัคซีนโควิด-19 ในสถานการณฺฉุกเฉินทั่วโลกราว 13 ตัวนั้น ยังไม่มข้อมูลว่าวัคซีนตัวใดจะมีประสิทธิภาพป้องกันสายพันธุ์นี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะสายพันธุ์นี้เพิ่งมีการกลายพันธุ์ ทำให้ยังไม่มีวัคซีนตัวไหนที่มีการศึกษาผลวัคซีนต่อไวรัสสายพันธุ์

คล้ายกับที่วัคซีนหลายๆตัวก็มีประสิทธิภาพต่อสายพันธุ์แอฟริกาใต้ลดลง จำเป็นต้องรอผลประสิทธิภาพวัคซีนต่อไป

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ระบุว่า เมื่อเกิดการระบาดมากก็จะเกิดเชื้อที่กลายพันธุ์เพิ่มขึ้น ในอินเดียมีเชื้อกลายพันธุ์ที่เรียกว่า Double Mutations สายพันธุ์อินเดีย ที่ทำให้ติดได้ง่ายขึ้นและมีแนวโน้มที่จะลดประสิทธิภาพของวัคซีน เป็นสายพันธุ์ที่จะท้าทายความสามารถของมนุษย์ ประเทศอินเดียอยู่ไม่ไกลจากเรา และทำนองเดียวกันถ้าเรามีผู้ป่วยหรือระบาดจำนวนมากก็จะมีการกลายพันธุ์ของไวรัสได้ เราไม่อยากได้ยินชื่อไวรัส สายพันธุ์ประเทศไทย

วัคซีนอินเดียมีความหวัง

ขณะที่ ดร.อนันต์ ระบุว่า ภูมิจากการฉีดด้วยวัคซีน COVAXIN (เชื้อตายของ Bharat Biotech) สามารถยับยั้งสายพันธุ์อังกฤษได้เท่าๆกับสายพันธุ์ G ต้นแบบที่ใช้ผลิตวัคซีนเลย แต่ เมื่อทดสอบกับสายพันธุ์อินเดีย B.1.617 พบว่า ภูมิตกลงมาอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่มากเท่ากับกรณีของสายพันธุ์แอฟริกา และ บราซิล แสดงว่า มิวเตชั่น E484Q กับ L452R ของ Double mutant ยังไม่แรงมากในตอนนี้ (ติดเป็นแสนๆตอนนี้ ยังวางใจไม่ได้ว่าจะมีอะไรมาเพิ่มอีกหรือเปล่า)

ค่าแอนติบอดีจากวัคซีน COVAXIN กับ จากการติดเชื้อสายพันธุ์ G และ อังกฤษ ดูเหมือนจะยับยั้งสายพันธุ์อินเดียได้ใกล้เคียงกัน โดยเฉลี่ยประมาณ (1:100) ไม่สูงมาก แต่ คิดว่าน่าจะยังเอาสายพันธุ์นี้ได้อยู่ครับ ...ต้องลุ้นว่าจะไม่กลายเป็น Triple Mutant อีกในอนาคตอันใกล้

Note: COVAXIN มาไทยเมื่อไหร่ อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจครับ ตัวนี้ใช้ไวรัสสายพันธุ์ G เป็นต้นแบบ ซึ่งใหม่กว่าสายพันธุ์ Wuhan ใน Sinovac และ Sinopharm

นอกจากนี้ ข้อมูลน่าสนใจจากทีมวิจัยในอินเดียที่ทดสอบความสามารถของซีรั่มของคนที่หายป่วยแล้ว หรือ ซีรั่มจากคนที่ได้รับวัคซีน Covishield ( AstraZeneca) กับความสามารถยับยั้งไวรัสสายพันธุ์อินเดีย (Double mutant, B.1.617) ดูเหมือน ซีรั่มจะเอาอยู่ในระดับนึง...เสียดายข้อมูลมีจำกัดมาก ไม่รู้ว่าใช้ตัวอย่างซีรั่มอื่นๆทำซ้ำได้หรือไม่ แต่ข้อมูลที่เผยแพร่ออกมาดูเป็นข่าวดี รอผลแบบนี้อีกเรื่อยๆครับ

ความรุนแรงของโรค

นอกจากว่า สายพันธุ์อินเดียนี้อาจจะติดได้ง่ายขึ้น ในแง่ของจะก่อโรคให้รุนแรงขึ้นด้วยหรือไม่ ยังไม่มีคำตอบในเรื่องนี้