ปรับขบวน 'ปราศรัยออนไลน์' นปช.โหมกระแสโควิดไล่ 'ประยุทธ์'

ปรับขบวน 'ปราศรัยออนไลน์' นปช.โหมกระแสโควิดไล่ 'ประยุทธ์'

ทวงถาม...ตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งกำลังจะครบ 7 ปี มีอะไรที่เป็นความสำเร็จ มีอะไรที่ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาบ้าง

ปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐบาล พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเผชิญวิกฤติศรัทธาอย่างหนัก เห็นได้ชัดว่าอยู่ในช่วงขา ลงท่ามกลางสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ที่ผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย

ความชะล่าใจของรัฐบาล จากที่เคยได้รับคำชื่นชมจากนานาประเทศในการรับมือโควิดระลอกแรกได้อย่างดี อาจนำมาซึ่งความประมาท หรือปล่อยปละละเลยจนเกิดการระบาดระลอก 2 และระลอก 3 ที่แทบจะเข้าขั้นวิกฤติ

จำนวนเตียงมีไม่เพียงพอรองรับผู้ป่วย รวมถึงเรื่องวัคซีนที่เพิ่งจะมาเร่งจัดหาในจังหวะที่สถานการณ์บานปลายไปไกล จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

ด้วยปัจจัยจากเรื่องการระบาดโควิด จึงส่งผลสะเทือนไปถึงความมั่นคงของรัฐบาลเต็มๆ เมื่อคนจำนวนไม่น้อยเดือดร้อนในเรื่องเศรษฐกิจ การทำมาหากิน และกำลังลามเป็นประเด็นการเมืองกลุ่มต่างๆ ดาหน้าออกมาขับไล่ จากการบริหารงานผิดพลาดล้มเหลว

การระบาดของโควิด-19 ระลอกแรก อาจมีคนบอกว่าเป็นโชคดีที่การเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลที่กำลังจะจุดติดต้องยุติลงไปชั่วคราว แต่ดูเหมือนการระบาดครั้งนี้บนกระดานการเมืองอาจไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมาอีกแล้ว

เมื่อ "จตุพร พรหมพันธุ์" ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แกนนำกลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย นัดหมายแนวร่วมวันนี้ 24 เม.. ร่วมกันขับไล่รัฐบาล พล..ประยุทธ์ ผ่านรูปแบบการปราศรัยออนไลน์ ในหัวข้อ "24 เมษา ยก 2 ประยุทธ์ออกไป" ในเวลา 13.00 .เป็นต้นไป

โดยการเคลื่อนไหวครั้งนี้ มีผู้ร่วมปราศรัยในวันที่ 24 เม.. ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของงานคือ "ธีระชัยภูวนาถนรานุบาล" อดีต รมว.คลัง และในวันที่ 25 เม.. และอีกไฮไลต์จะอยู่ที่ "ไพศาล พืชมงคล" อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรี พล..ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

"จตุพร" โหมโรงว่า เวทีนี้จะวิพากษ์ถึงความล้มเหลว และชี้ให้เห็นว่า พล..ประยุทธ์ ไม่สมควรที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อไปแม้แต่เพียงวันเดียว โดย "ธีรชัย" จะพูดถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจในแง่มุมต่างๆ  ทั้งเศรษฐกิจของประเทศ การเงินการคลัง หรือกรณีเรื่องทุนผูกขาดอยากคนไทยได้รับรู้ว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ไหน ในฐานะที่เราเป็นเจ้าของประเทศร่วมกันเราควรมีสิทธิ์รับรู้ถึงสถานการณ์ที่เป็นความจริงของประเทศไทย หรือแม้กระทั่ง พล..ประยุทธ์

ความล้มเหลวในทุกมิติโดยเฉพาะการบริหารการจัดการเรื่องวัคซีนโควิดจตุพรพูดชัดเจนว่า ต้องโทษคนที่เป็นนายกฯ เมื่อประกาศใช้ ...ฉุกเฉิน อำนาจมาอยู่ที่นายกฯ และ ศบค.ก็ต้องฟังนายกฯ เพราะตอนนี้เป็นมาตรการเหมือนกับการใช้มาตรา 44 แต่อยู่ในรูปแบบ...ฉุกเฉิน เห็นได้ชัดเจนว่าการจัดหาวัคซีน นายกฯ ก็ยังไม่ให้รมว.สาธารณสุข หรือรมช.สาธารณสุขเข้าไปเป็นกรรมการร่วมรับผิดชอบ แปลว่าปัญหาทั้งหมดที่พยายามยกมาอธิบาย ว่ามีการประเมินสถานการณ์ที่ผิดพลาด คิดว่าควบคุมโควิด-19 ได้ทำให้การบริหารจัดการเรื่องวัคซีนไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ จึงอยากให้นายกฯ ได้ทบทวนว่า สมควรเป็นนายกฯ ต่อไปอีกหรือไม่

จตุพรระบุว่า การบริหารประเทศของรัฐบาล จนไม่สามารถควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้หลายคนก็ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมพล..ประยุทธ์ จึงไม่ทำเรื่องขอเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงขอคำปรึกษาหรือฟังข้อเสนอแนะจากในหลวงรัชกาลที่ 10 ซึ่งปกติแล้วในสถานการณ์ที่บ้านเมืองวิกฤติคนที่เป็นผู้นำประเทศต้องทำเรื่องขอเข้าเฝ้าเพื่อขอพระราชทานคำปรึกษาในการแก้ไขปัญหาวิกฤตินี้

"ดังนั้นเรื่องนี้ภายหลังจากสถานการณ์โควิด 19 ก็ควรจะได้รับการสะสาง และส่วนตัวมองว่าการจะอยู่โดยกล่าวอ้างสถานการณ์โควิด-19 โดยแก้ไขปัญหาชาติไม่ได้ หรือจะอยู่โดยอ้างว่า รอฉีดวัคซีนคนให้ครบนั้น หากเป็นคนที่มีประสิทธิภาพปีนี้ทุกอย่างจะจบหมด แต่เพราะเรามีรัฐบาลที่ด้อยประสิทธิภาพ ยโส โอหัง อวดดี และห่วยแตก ไม่รับฟังใคร ผมอยากเรียกร้องให้ผู้ที่มีความรู้ กล้าที่จะลุกขึ้นมาอธิบายเพราะหลายเรื่องราวมันผิดปกติเป็นที่น่าสงสัย อย่างน้อยจะได้เห็นว่า ในสถานการณ์ที่คนไทยได้รับโชคชะตากันอย่างนี้ ก็มีคนได้ประโยชน์อยู่มากมายและที่สำคัญที่สุดก็คือ ประโยชน์อันนี้มันคือความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนคนไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ค้างคาที่ต้องการจะสื่อความให้เห็นว่าทำไมเราไม่สามารถที่จะให้พล..ประยุทธ์บริหารประเทศชาติบ้านเมืองได้ต่อไป 7 ปีที่ผ่านมา ถ้ามีความสำเร็จเป็นรูปธรรมเพียงแค่เรื่องเดียวให้เห็น คนอาจจะมีความรู้สึก แต่นี่ลองอธิบายถึงความสำเร็จว่า ตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งกำลังจะครบ 7 ปีในเดือนหน้านี้ มีอะไรที่เป็นความสำเร็จ มีอะไรที่ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาบ้างจตุพร ระบุ

นอกจากนั้น ประธาน นปช. ยังย้ำด้วยว่า หากพล..ประยุทธ์ ออกไปเชื่อว่า เราจะได้สถาปนารัฐธรรมนูญโดยประชาชน ทั้งนี้ การอยู่หรือไปของพล..ประยุทธ์นั้น ขอย้ำอีกครั้งว่า จะเคียงคู่กับรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญปี 60 นั้นอย่างที่เคยบอกว่าเป็นมรดกบาป เป็นพินัยกรรมของคนที่ได้รับประโยชน์คือพล..ประยุทธ์ การแก้ไขพินัยกรรมเพื่อให้ประโยชน์ตกเป็นของคนอื่นนั้น คนที่ได้รับประโยชน์จากพินัยกรรมไม่มีวันจะทำให้ มันจึงเป็นหน้าที่ของประชาชน

นี่จึงเป็นการลั่นกลองรบครั้งสำคัญในการปลุกแนวร่วมให้มาช่วยผนึกกำลังขับไล่พล..ประยุทธ์ ให้พ้นจากตำแหน่ง การอยู่ในอำนาจมาเป็นระยะเวลายาวนาน ย่อมหนีสัจธรรมว่าคนเบื่อไปไม่พ้น และเมื่อยิ่งได้เห็นการบริหารงานในช่วงวิกฤติโควิด ที่ออกลูกขาดๆ เกินๆเกิดการระบาดซ้ำหลายระลอก คนเดือดร้อนลำบากถ้วนหน้า คงถึงเวลาที่รัฐบาลประยุทธ์ ต้องแก้โจทย์หิน เพื่อไม่ให้วิกฤติศรัทธาตกต่ำไปมากกว่านี้