อีเอ เร่งบุกตลาดรถบัสอีวีครึ่งปีหลัง ดันยอดส่งมอบเข้าเป้า 1,000 คัน

อีเอ เร่งบุกตลาดรถบัสอีวีครึ่งปีหลัง ดันยอดส่งมอบเข้าเป้า 1,000 คัน

อีเอ ลั่นพร้อมส่งมอบ รถอีวี งวดแรก 120 คัน ช่วง พ.ค.นี้ และอีก 400 คัน ใน ก.ค.นี้ ขณะที่ครึ่งปีหลังรุกเจาะตลาดรถบัสอีวีต่างจังหวัด ดันส่งมอบเข้าเป้า 1,000 คันปีนี้ ลุ้นธุรกิจอีวี ปั๊มรายได้โต 20%

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด(มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า ยอดประกอบรถยนต์ไฟฟ้า(อีวี) ของบริษัท ในปีนี้ มั่นใจว่า จะสามารถประกอบรถอีวีได้ครบ 1,000 คันอย่างแน่นอน โดยงวดแรก จำนวน 120 คัน เตรียมส่งมอบภายในเดือน พ.ค.นี้ และจะทยอยส่งมอบให้ครบ 400 คัน ภายในเดือน ก.ค.นี้ ซึ่งรถอีวี งวดแรกนี้ จะเป็นการใช้แบตเตอรี่ที่นำเข้าจากไต้หวันมาใช้ก่อน เนื่องจากโรงงานแบตเตอรี่ ระยะแรก ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ของบริษัท ขนาด 1 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) ยังไม่แล้วเสร็จ

ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลัง บริษัท มีแผนที่จะเข้าไปเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มผู้ให้บริการเดินรถบัสโดยสารไฟฟ้าข้ามจังหวัด หรือ กลุ่มรถทัวร์ แต่ในระยะแรกจะเน้นเจาะตลาดเดินรถในจังหวัดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครมากนัก เช่น จ.นครราชสีมา จ.สระบุรี และจังหวัดในแถบภาคตะวันออก เป็นต้น เพื่อผลักดันยอดประกอบและส่งมอบรถอีวีให้ครบ 1,000 คันตามเป้าหมายในปีนี้

อย่างไรก็ตาม รถอีวี งวดแรกที่เตรียมจะส่งมอบนั้น อยู่ระหว่างขั้นตอนดำเนินการขอจดทะเบียนเป็นรถอีวีสาธารณะ เพื่อให้สามารถมีผลต่อภาษีและประกันภัยของรถยนต์ เนื่องจากขณะนี้กฎหมายยังไม่อนุญาตให้รถอีวี ออกมาวิ่งขับเคลื่อนบนถนนเป็นรถสาธารณะได้

161916418111

ส่วนกรณีที่บริษัท ได้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ ชื่อ “บริษัท ศูนย์ทดสอบ แบตเตอรี่ ยานยนต์ไฟฟ้า และ ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ จำกัด” หรือ BEV โดย EA ถือหุ้น 50% ของทุนจดทะเบียน และ EA BVI Holding limited (เป็นบริษัทย่อยของ EA) ถือหุ้น 48% ของทุนจดทะเบียน และสัดส่วนหุ้นที่เหลือ 2% ถือโดยบุคคลธรรมดา 2 รายที่ไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทจดทะเบียนนั้น

ในส่วนของบริษัทใหม่นี้ จะถือเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัท ซึ่งจะมีการทดสอบแบตเตอรี่ และจะเริ่มดำเนินการในช่วงกลางปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่โรงงานแบตเตอรี่ ระยะแรก ขนาด 1 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) มูลค่าการลงทุนกว่า 6,000 ล้านบาท และโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท มูลค่ากว่า 1,800 ล้านบาท ก็จะก่อสร้างแล้วเสร็จในจังหวะใกล้เคียงกัน

นายอมร คาดว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ สัดส่วนรายได้ของธุรกิจจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนขึ้น หลังจากบริษัทได้ขับเคลื่อนการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) ในช่วงเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา และจะเริ่มมีรายได้เข้ามามากขึ้นในปีนี้ นับเป็นการตอบสนองต่อนโยบายส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ หลังจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ(บอร์ด อีวี) เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2564 ได้กำหนดเป้าหมายเร่งรัดให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถไฟฟ้า 100% ภายในปี 2578 หรือในอีก 14 ปีข้างหน้า จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสะสม 18.41 ล้านคัน แบ่งเป็น รถยนต์นั่งและรถปิกอัพ 8.62 ล้านคัน, รถจักรยานยนต์ 9.33 ล้านคัน, รถบัสและรถบรรทุก 4.58 แสนคัน

161916419592

ส่วนยอดขายคำสั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้า สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการรถ TAXI จำนวน 5,000 คัน ยังคงชะลอแผนการสั่งซื้อออกไปก่อน จากผลกระทบโควิด-19 ที่ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวในประเทศชะงักลง โดยในส่วนนี้ ยังคงต้องรอให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลงก่อน

“ตลอด 4-5 ที่ผ่าน บริษัทได้ใส่งบประมาณลงไปในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า รวมประมาณกว่า 8,000 ล้านบาท และปี 2564 จะเป็นปีที่มีผลตอบแทนออกมาเป็นรูปเป็นร่าง โดยปีนี้กลุ่มรถอีวี จะทำรายได้ให้กับบริษัท ประมาณ 20%นายอมร กล่าว