ยอดผู้ติดโควิดพุ่งกดดัน

ยอดผู้ติดโควิดพุ่งกดดัน

วันพฤหัสที่ผ่านมาดัชนีพลิกปิดร่วงกว่า 12 จุด จากแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่ม Big Cap. นำโดย AOT ADVANC และ GULF จากความกังวลเกี่ยวกับเป้าการเติบโตเศรษฐกิจปีนี้อาจชะลอลง

หลังจาก ม.หอการค้า ประเมินโควิดรอบใหม่กด GDP ปีนี้โตเหลือ 1.6% จากเดิมคาด 2.8% โดยดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,568.21 จุด -11.80 จุด -0.75% มูลค่าการซื้อขาย 93,330.76 ลบ. ต่างชาติ -1,600.57 ลบ. TFEX -11,039 สัญญา ตราสารหนี้ +2,674.70 ลบ.

ปัจจัยบวก

+สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 547,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
+ECB มีมติคงดอกเบี้ย และคงวงเงินซื้อพันธบัตรในการประชุม
+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 8 เซนต์ +0.1% ปิดที่ 61.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากข่าวการผลิตน้ำมันที่ลดลงในประเทศลิเบีย แต่มีปัจจัยกดดันจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในอินเดีย ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก
+ความคืบหน้าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศ ตั้งแต่ 28 ก.พ. - 21 เม.ย.64 ฉีดแล้วทั้งสิ้นรวม 864,840 โดส เป็นการฉีดเข็มที่ 1 จำนวน 746,617 ราย และจำนวนผู้ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ 2 เข็ม จำนวน 118,223 ราย

ปัจจัยลบ

-ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 321.41 จุด -0.94% หลังปธน.โจ ไบเดน มีแผนปรับขึ้นภาษีกำไรที่ได้จากการลงทุนเพิ่มอีกเกือบสองเท่าบดบังปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
-สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าปธน.โจ ไบเดนมีแผนปรับเพิ่มภาษีกำไรที่ได้จากการลงทุน (capital gains tax) สูงถึง 43.4% สำหรับชาวอเมริกันที่ร่ำรวย และปรับเพิ่มภาษีสูงถึง 39.6% สำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันเรียกเก็บที่ระดับ 20%
-มีข่าวรัฐบาลญี่ปุ่นจะประกาศภาวะฉุกเฉินสำหรับกรุงโตเกียว เกียวโต โอซาก้า และเฮียวโงะ ในวันนี้ (23 เม.ย.) เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
-สถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยยังน่าเป็นห่วง เฉพาะเชียงใหม่พบ 3 คลัสเตอร์ใหม่ เรือนจำ ศูนย์เด็กเล็ก สถานปฏิบัติธรรม เคสใหม่พุ่งสูง 237 ราย
-ม.หอการค้า ประเมินโควิดรอบใหม่กด GDP ปีนี้โตเหลือ 1.6% จากเดิมคาด 2.8%

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีวันนี้อ่อนตัวลงจากที่มีแรงขายวานนี้ทำให้เสียทรงทางเทคนิค อีกทั้ง Fund Flow ที่ไหลออกอย่างต่อเนื่องเป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติม นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงเป็นปัจจัยกดดันต่อหุ้นกลุ่มพลังงานเพิ่มเติม มองกรอบในวันนี้ 1,550-1,570 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

• เงินบาทอยู่ในโซนอ่อนค่า KCE HANA DELTA SMT

• ประชาชนไปตรวจโควิด-19 จำนวนมาก BCH VIBHA RJH PR9
• หุ้นได้ประโยชน์จาก WFH ได้แก่ COM7 SYNEX SIS HMPRO ILM ITEL INSET NETBAY

หุ้นรายงานพิเศษ

      SCB “มุมมองบวก” (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 117 บาท)

161916274682

•1Q64 มีกำไรสุทธิ 10,088 ล้านบาท +9%YoY เนื่องจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย +21%YoY และคชจ.ดำเนินงานลดลง 8%YoY จากมาตรการควบคุมคชจ. กำไรเพิ่มขึ้น 103%QoQ เนื่องจากคชจ.ตั้งสำรอง -30%QoQ ส่วน NIM ทรงตัว QoQ ที่ระดับ 3% แม้ yield on loan ลดลงแต่ชดเชยด้วยต้นทุนการเงินที่ลดลง อัตราส่วนคชจ.ต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) ลดเหลือ 40% จาก 44.1% ใน 4Q63 และ 43.6% 1Q63

•เงินให้สินเชื่อ +1%YTD จากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ส่วนสินเชื่อในโครงการพักชำระหนี้คิดเป็น 19% ของสินเชื่อรวม ลดลงจาก 39% ของสินเชื่อรวมเมื่อเริ่มต้นโครงการ มากกว่า 90% ยังคงผ่อนชำระได้ ธนาคารคงเป้าการเติบโตของสินเชื่อตามเดิมที่ 3-5%

•%NPL 3.79% อยู่ในกรอบเป้าการเงินปีนี้ที่ 4-4.5% โดยเพิ่มขึ้นจาก 3.7% ในปี 63 ทั้งนี้อัตรา NPL เกิดใหม่ลดเหลือ 0.53% จากระดับสูงสุด 0.73-0.75% ในช่วง 3Q63-4Q63 อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อ NPL (Coverage Ratio) ยังอยู่ในระดับ 140% และฐานะเงินกองทุนยังแข็งแกร่งที่ 18.2%

•ความเห็น เรายังมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานในการเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่ได้ประโยชน์เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว ด้วยกลยุทธ์ การเติบโตแบบ organic ในธุรกิจจำหน่ายประกันผ่านธนาคาร (Bancassurance) และ wealth management ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรสุทธิปี 63 เฉลี่ย +27,217.60 ล้านบาท -33%YoY

หุ้นมีข่าว

(+) INSET (Bloomberg Consensus 4.16 บาท) การันตีผลงานปีนี้แจ่ม! รับกระแสอัพเกรดอุปกรณ์ 5G และ WFH ช่วงโควิด-19 หนุนรายได้โต 15-20% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ ด้านผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 10 หุ้นสามัญต่อ 1 หุ้นปันผล และปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.081 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 เม.ย.นี้ และ กำหนดจ่าย 20 พ.ค. 64 (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) YGG (Bloomberg Consensus 25.85 บาท) ส่งซิกไตรมาส 1/64 สวย! รับแรงหนุนงานโฆษณา-ภาพยนตร์-เกมเติบโต ขณะที่ Home Sweet Home Survival กระแสตอบรับดี เร่งพัฒนาให้ระบบเสถียร เล็งนำลง Playstation Xbox และเวอร์ชัน Smartphone ปลายปีนี้ พร้อมคงเป้ารายได้รวมปีนี้โต 15-20% (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) EA (Bloomberg Consensus 69.00 บาท) ตั้งศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าแล้ว พร้อมผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์หรือ BEV คาดเริ่มเปิดบริการปีนี้ จ่อรับรู้รายได้ยานยนต์ไฟฟ้าครึ่งปีแรก 2564 เล็งร่วมประชุมกับคณะอนุกรรมการการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและแบตเตอรี่เพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้าในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PIMO (Bloomberg Consensus - บาท) PIMO ย่องเจรจา CHO รุกขยายฐานมอเตอร์รถยนต์ รถบัส EV พร้อมทุ่มงบลงทุน 300-500 ล้านบาท ติดตั้งเครื่องจักรผลิตมอเตอร์รถจักรยานยนต์ EV คาดลูกค้าป้อนออเดอร์กว่าแสนคันต่อปี หนุนยอดขายมอเตอร์ EV แตะ 1 พันล้านบาท พร้อมลุยขยายพื้นที่โรงงานกว่า 5 พันตารางเมตร จากปัจจุบัน 3.3 พันตารางเมตร ใส่เกียร์อัพกาลังผลิต 1 แสนลูกต่อเดือน (ที่มา ทันหุ้น)

ปัจจัยจับตา

ในประเทศ 

23 เม.ย. กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า

28 เม.ย. นายกฯ นัดภาคเอกชนประชุมหารือมาตรการและแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 เพือลดภาระภาครัฐและกระจายวัคซีนให้เร็วขึ้นเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

สัปดาห์ที่ 5 สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

สัปดาห์ที่ 5 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

28 เม.ย. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์

30 เม.ย ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ต่างประเทศ

23 เม.ย. ญี่ปุ่น เปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค.

            อียูเปิดเผยดัชนี PMI ภาคบริการ-ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนเม.ย.

            สหรัฐเปิดเผยดัชนี PMI ภาคบริการ-ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนเม.ย. และยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค.

26 เม.ย. สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค. และดัชนีการผลิตเดือนเม.ย.

27 เม.ย. ธนาคารกลางญี่ปุ่นประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย

27-28 เม.ย. กำหนดการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED)