WINMED เสนอขายไอพีโอ 120 ล้านหุ้น เข้าเทรดกลาง พ.ค.นี้

WINMED เสนอขายไอพีโอ 120 ล้านหุ้น เข้าเทรดกลาง พ.ค.นี้

"วินเนอร์ยี่ เมดิคอล" ส่งหุ้นไอพีโอ WINMED จำนวน 120 ล้านหุ้น เข้าเทรดตลาดเอ็ม เอ ไอ กลางเดือน พ.ค.64 พร้อมเปิดให้จองซื้อหุ้นปลายเดือน เม.ย. ชูจุดแข็งได้ประโยชน์จากเทรนด์รักษ์สุขภาพ-นโยบายสนับสนุนจากรัฐ

นายนันทิยะ ดารกานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ WINMED เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเปิดเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก จำนวน 120 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (ราคาพาร์) 0.50 บาท โดยจะเปิดให้จองซื้อหุ้นภายในเดือน เม.ย.2564 ก่อนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในช่วงกลางเดือน พ.ค. ภายใต้กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (CONSUMP)

ทั้งนี้ WINMED เป็นผู้จำหน่ายเครื่องและชุดอุปกรณ์สำหรับการเก็บ การตรวจวิเคราะห์ วินิจฉัย และการบำบัดรักษาทางการแพทย์ที่นำเข้าจากผู้ผลิตชั้นนำในต่างประเทศ และเป็นตัวแทนของบริษัทผู้ให้บริการตรวจวินิจฉัยด้านพันธุศาสตร์จากต่างประเทศ สำหรับการให้บริการตรวจสารพันธุกรรมและความผิดปกติของทารกในครรภ์ รวมถึงมีบริษัทย่อยประกอบธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ที่เกี่ยวกับสุขภาพและสุขอนามัย

โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้ในโครงการลงทุนระหว่างปี 2564-2566 ได้แก่ โครงการลงทุนก่อสร้างห้องปฏิบัติการตรวจหาเชื้อไวรัส HPV ผ่านชุดเก็บเซลล์ผิดปกติที่ปากมดลูก จากช่องคลอดด้วยตนเอง (Self Collect) ประมาณ 17-22 ล้านบาท โดยจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 3 ปี 2564 นี้

ถัดมาโครงการลงทุนก่อสร้างห้องปฏิบัติการที่ครอบคลุมด้านงาน การเตรียมผลิตภัณฑ์เซลล์เพื่อการรักษาด้วยวิธีเซลล์บำบัด (Cell Therapy) 65-80 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ไตรมาส 1 ปี 2565 ส่วนที่เหลือจะนำไปชำระคืนเงินกู้และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

นายนันทิยะ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ปัจจัยบวกจากธุรกิจการแพทย์ (Healthcare) ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยการระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้คนหันมาดูแลรักษาสุขภาพกันมากขึ้น นอกจากนี้ ในระยะยาวบริษัทฯ ยังมีปัจจัยหนุนจากนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการให้บริการทางการแพทย์ (Medical Hub) อีกด้วย

สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลัง WINMED มีรายได้รวมในปี 2561-2563 ที่ 515.96 ล้านบาท 498.30 ล้านบาท และ 531.05 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมีกำไรสุทธิที่ 40.96 ล้านบาท 37.19 ล้านบาท และ 51.59 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกัน