'อนุทิน' คาด 2-3 สัปดาห์โควิดเริ่มลดลง

'อนุทิน' คาด 2-3 สัปดาห์โควิดเริ่มลดลง

อนุทิน เผยระบบสาธารณสุขทั่วประเทศสามารถคุมโรคโควิด 19 ได้ คาด 2-3 สัปดาห์จะเริ่มลดลง พร้อมให้กำลังใจบุคลากรอย่างเต็มที่ในการดูแลผู้ป่วยและควบคุมโรค ยันนายกฯ ไม่ได้ตำหนิสายด่วน 1668

วันนี้ (22 เมษายน 2564) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ สถานการณ์โรคโควิด 19 ถือว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ หลายฝ่ายได้ช่วยกันทำงาน เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด 19 อย่างดีที่สุด ระบบสาธารณสุขทั่วประเทศสามารถคุมสถานการณ์ได้
ที่สำคัญคือ ความร่วมมือของประชาชน จำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มนิ่ง

หากผ่านพ้นวงรอบการระบาดเดือนเมษายนประมาณ 2-3 สัปดาห์ คาดว่าจะกลับเป็นปกติ สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าจะได้รับวัคซีนโควิด 19 ครบถ้วนภายในสัปดาห์นี้ ย้ำว่าแม้จะรับวัคซีนแล้วยังต้องป้องกันตนเองอย่างเต็มที่ เนื่องจากยังมีโอกาสติดเชื้อได้ วัคซีนจะช่วยลดความรุนแรงและการเสียชีวิต ทั้งนี้ ขอให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ร่วมกันอดทนฟันฝ่าอุปสรรคโรคโควิด 19 ไปด้วยกัน

“ไม่เฉพาะรัฐมนตรีและปลัดที่ให้กำลังใจ ประชาชนทุกคนก็เป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอย่างเต็มที่ ทุกคนพร้อมลุยงานสู้โควิดเพื่อประชาชน ยังไม่เห็นบุคลากรคนไหนที่ไม่เข้าไปดูแล ไม่ไปรักษาผู้ป่วยเลย มีแต่พร้อมเข้าไปเสริมช่วยทำงาน เมื่อตั้ง รพ.สนาม โรงพยาบาลในพื้นที่อื่นที่มีการระบาดน้อยก็จัดแพทย์ พยาบาล เภสัชกร และบุคลากรจิตอาสาผลัดเวรกันไปสนับสนุน นี่คือสปิริตของบุคลากร” อนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ภายใน 1-2 วันนี้ จะมียารักษาโรคโควิด 19 ฟาวิพิราเวียร์ เข้ามาอีก 2 ล้านเม็ด และมีการบริหารจัดการระหว่างองค์การเภสัชกรรมและผู้ใช้ยาให้มีความเพียงพอกับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละวัน ส่วนกรณีสายด่วน 1668 ที่สายอาจไม่ว่าง

"นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตำหนิ เพียงแต่ให้ช่วยดูปัญหาดังกล่าว ซึ่งเราก็พยายามปรับปรุงเพิ่มคู่สาย ตอนนี้คนโทรเข้ามาจำนวนมาก เนื่องจากคนสงสัยติดเชื้อหรือติดเชื้อแล้วก็อยากคุยกับแพทย์ให้มากที่สุด แต่ละสายจำเป็นต้องใช้เวลาในการพูดคุย ทำความเข้าใจ และให้คำแนะนำ อาจติดสายอื่นอยู่ การไม่ได้รับสายก็มีเหตุผล โดยอธิบดีกรมการแพทย์จะไปบริหารจัดการเรื่องนี้ ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์นั้น บุคลากรที่รับสายก็เข้าใจว่าช่วงนี้ประชาชนอาจเครียด เราก็พยายามทำให้ดีที่สุด" รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว