ผู้บริโภคเตรียมจ่ายเพิ่ม'พีแอนด์จี'ขึ้นราคาสินค้า

พีแอนด์จี ซึ่งผลิตใบมีดโกนหนวดยี่ห้อยิลเลตต์ และผงซักฟอกไทด์ ให้เหตุผลการปรับขึ้นราคาสินค้าครั้งนี้เพราะต้นทุนวัตถุดิบอย่างเรซินและเยื่อกระดาษมีราคาแพงขึ้น ประกอบกับต้นทุนการขนส่งสินค้าสูงขึ้น การประกาศขึ้นราคาสินค้าครั้งนี้ของบริษัทมีขึ้นหลังจากเมื่อเดือนที่แล้วบริษัทคู่แข่งสำคัญอย่างคิมเบอร์ลี-คลาร์ก คอร์ป ปรับขึ้นราคาสินค้า

“บริษัทรับรู้เรื่องต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์ที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าประเภทต่างๆปรับตัวขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว บริษัทจึงจำเป็นต้องปรับราคาสินค้าขึ้นเพื่อให้สอดรับกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และบริษัทตั้งเป้าที่จะปรับปรุง รวมทั้งเพิ่มลักษณะเฉพาะแก่ผลิตภัณฑ์ต่างๆในช่วงที่ปรับเพิ่มราคาสินค้าเพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกว่า”ได้รับ“มากขึ้นเมื่อซื้อสินค้าราคาแพงขึ้น” โจน โมเอลเลอร์ (ซีโอโอ)ของพีแอนด์จี วัย 33 ปี กล่าว

ครั้งล่าสุดที่บรรดาบริษัทผลิตสินค้าอุปโภค-บริโภคขึ้นราคาสินค้าเพราะต้นทุนการผลิตแพงขึ้นคือเมื่อปี 2561 ซึ่งในปีนี้ราคาเยื่อกระดาษปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้ต้นทุนการผลิตผ้าอ้อม กระดาษชำระและผลิตภัณฑ์อื่นๆพลอยสูงขึ้นไปด้วย

ระบบห่วงโซ่อุปทานโลก ที่ต้องดิ้นรนต่อสู้อยู่แล้วเพราะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยิ่งปั่นป่วนวุ่นวายมากขึ้น โดยสภาพอากาศที่หนาวเหน็บในเดือนก.พ.ที่ผ่านมาทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ในเท็กซัสทำให้โรงงานเคมีภัณฑ์ต้องปิดชั่วคราวและทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบอย่างเช่น โพลีเอธิลีนและส่วนประกอบทางเคมีตัวอื่นๆ และเมื่อเกิดภาวะขาดแคลน ราคาวัตถุดิบเหล่านี้ก็มีราคาแพงขึ้น

ด้าน“คิมเบอร์รี-คล๊าก” ผู้ผลิตผ้าอ้อมฮักกี้ส์และกระดาษชำระยี่ห้อสก็อตต์ ระบุว่า การปรับขึ้นราคาสินค้าของบริษัทเป็นการปรับขึ้นด้วยตัวเลขหลักเดียว จะเริ่มมีผลอย่างเป็นทางการในปลายเดือนมิ.ย. ส่วนสินค้าที่บริษัทปรับราคาขึ้นมีผลิตภัณฑ์ดูแลสำหรับเด็กทารกและเด็ก และผลิตภัณฑ์ดูแลสำหรับผู้ใหญ่ รวมทั้งทิชชูยี่ห้อสก็อตต์

ขณะที่ผู้ผลิตอาหารหลายแห่งก็ปรับขึ้นราคาสินค้าด้วยเช่นกัน อย่าง ฮอร์เมล ฟู้ดส์ คอร์ป ประกาศเมื่อเดือนก.พ.ว่า ได้ปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์ไก่งวง อาทิ ไก่งวงเจนนิ-โอ กราวด์เพื่อรับมือกับต้นทุนอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้่น เจ.เอ็ม สมัคเกอร์ โค ปรับขึ้นราคาสินค้าเมื่อไม่นานมานี้ มีเนยถั่วจิฟ และเตรียมขึ้นราคาสินค้าประเภทอาหารว่างสำหรับสัตว์เลี้ยงเพราะต้นทุนการขนส่งเพิ่มขึ้นและแรงกดดันจาก

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการใช้จ่ายสินค้าประเภทต่างๆของผู้บริโภคในแต่ละวัน ซึ่งรวมถึง ของชำ เสื้อผ้า กิจกรรมสันทนาการและยานพาหนะ ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนมี.ค. ถือเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 12 เดือนนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปี 2561

พีแอนด์จี ประกาศขึ้นราคาสินค้าในวันเดียวกับที่เผยผลประกอบการสำหรับไตรมาสซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 31 มี.ค. โดยยอดขายภายใน หรือ Organic Sales ซึ่งไม่นับการทำข้อตกลงทางการค้าและการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน ขยายตัว 4% ถือว่าปรับตัวขึ้นมากที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลบ้านและความงามของบริษัท แต่เมื่อพิจารณาภาพรวม จะเห็นว่ายอดขายของพีแอนด์จีเพิ่มขึ้นในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2561 โดยในปี2562 ซึ่งเป็นปีที่โควิด-19ระบาด บริษัททำยอดขายผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆอย่างเช่นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ผ้าเช็ดทำจากกระดาษและกระดาษชำระได้มากขึ้นเพราะความต้องการสินค้าเหล่านี้ในตลาดโลกเพิ่มขึ้น

“ในช่วงเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 การบริโภคสินค้าประเภทต่างๆเพิ่มขึ้นมาก เพียงแต่มีความแตกต่างกันไปในรายละเอียดของสินค้าต่อพื้นที่หรือตลาดนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น ยอดขายสินค้าบางตัวอาจจะไม่หวือหวา แต่ความต้องการสินค้าบางตัวอาจจะเพิ่มขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์ความงาม และสินค้าประเภทต่างๆที่จำหน่ายให้โดยตรงแก่ภาคธุรกิจที่กลับมาเปิดกิจการอีกครั้งหลังจากปิดกิจการไปในช่วงที่เกิดการระบาดหนัก”โมเอลเลอร์ กล่าว

ทั้งนี้ ยอดขายสุทธิของพีแอนด์จีเพิ่มขึ้น 5% เป็น 18,100 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้สุทธิของบริษัทอยู่ที่ 3,270 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.26 ดอลลาร์/หุ้น จาก 2,920 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.12 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงก่อนหน้านี้ ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ารายได้สุทธิของบริษัทจะอยู่ที่ 3,090 ล้านดอลลาร์