‘เงินบาท’วันนี้เปิด ‘แข็งค่า’ที่31.28บาทต่อดอลลาร์

‘เงินบาท’วันนี้เปิด ‘แข็งค่า’ที่31.28บาทต่อดอลลาร์

ตลาดการเงินยังผันผวน ผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังกังวลปัญหาการระบาดของโควิด-19ทั่วโลก แต่รายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีเกินคาดพยุงบรรยากาศการลงทุนเอาไว้ คาด แนวโน้มเงินบาทระยะสั้นยังเผชิญหลายปัจจัยกดดันมีโอกาสอ่อนค่าคาดบาทแกว่งในกรอบ 31.20- 31.35บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์  นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  31.28 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 31.33 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.20 - 31.35 บาทต่อดอลลาร์

โดยผู้เล่นในตลาดบางส่วนจะยังคงกังวลปัญหาการระบาดของโควิด-19ทั่วโลก แต่รายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีเกินคาดและมีการให้แนวโน้มผลประกอบการ (Earning Guidance) ที่สดใส ได้ช่วยพยุงภาพบรรยากาศการลงทุนในตลาดและช่วยให้ตลาดหุ้นโดยรวมสามารถรีบาวด์กลับขึ้นมาได้

โดยในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนีหุ้นขนาดเล็ก Russell 2000 ปรับตัวขึ้นกว่า 2.3% ตามมาด้วย ดัชนี S&P 500 ที่ปิดบวก 0.9% ส่วน ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ก็สามารถรีบาวด์ขึ้นมาราว 1.2% หลังจากที่ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ทรงตัว

ส่วนในฝั่งยุโรป นักลงทุนได้กลับเข้ามาซื้อหุ้นในกลุ่ม Cyclical จากความคาดหวังว่า รายได้และกำไรจะเร่งตัวขึ้นได้หากปัญหาการระบาดสงบลง หนุนให้ดัชนี STOXX50 รีบาวด์ขึ้นมาราว 0.9% เช่นกัน

อย่างไรก็ดี เรามองว่า ตลาดการเงินจะยังคงผันผวนต่อและอาจจะยังไม่กลับไปเป็นขาขึ้นที่ชัดเจน โดยหากสถานการณ์การระบาดเลวร้ายลง และการแจกจ่ายวัคซีนก็มีปัญหา อาจจะทำให้ผู้เล่นในตลาดลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งอาจตัดสินใจได้ไม่ยาก เนื่องจากตลาดหุ้นส่วนใหญ่ก็ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับนิวไฮและในเชิงValuation ก็ไม่ได้ถูกมาก

ขณะที่ความกังวลปัญหาการระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงมีความรุนแรงอยู่นั้น น่าจะถูกสะท้อนผ่านตลาดบอนด์ โดยผู้เล่นในตลาดยังคงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ทำให้บอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ทรงตัวที่ระดับ 1.55% ซึ่งจะเห็นได้ว่า ผู้เล่นในตลาดต่างรอจังหวะให้ยีลด์ปรับตัวขึ้น (ราคาบอนด์ลง) ก่อนจะเข้าซื้อ หรือเป็น Dip Buyers ทำให้บอนด์ยีลด์ 10ปีสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในกรอบไปก่อนในระยะสั้นนี้

ในส่วนตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลง โดย ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ย่อตัวลงราว 0.2% สู่ระดับ91.11 จุด โดยเงินดอลลาร์ถูกกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของ เงินแคนาเดียนดอลลาร์ (CAD) ที่แข็งค่าขึ้นกว่า 1.2% สู่ระดับ 1.25 แคนนาเดียนดอลลาร์/ดอลลาร์ หลังจากที่ธนาคารกลางแคนาดา (BOC) ประกาศปรับลดวงเงินการซื้อสินทรัพย์หรือทำคิวอี และมองว่าการขึ้นดอกเบี้ยอาจทำได้เร็วขึ้นกว่าที่เคยประเมินไว้ จากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดี

ในส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทในระยะสั้น ค่าเงินบาทยังเผชิญหลายปัจจัยกดดันให้มีโอกาสอ่อนค่า อาทิ สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศและรอบโลก รวมทั้ง โฟลว์จ่ายปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ

อย่างไรก็ดี เรามองว่า เงินบาทมีโอกาสแกว่งตัวในกรอบกว้างต่อไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากผู้นำเข้าส่วนมากรอทยอยซื้อเงินดอลลาร์ หากเงินบาทแข็งค่าใกล้ระดับ 31.15 บาทต่อดอลลาร์ ขณะเดียวกัน ฝั่งผู้ส่งออกก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทอ่อนค่ามากกว่าระดับ 31.50 บาทต่อดอลลาร์

สำหรับวันนี้ นอกเหนือจาก ประเด็นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนทั่วโลก และสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ทั่วโลก ตลาดจะให้ความสนใจ ผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยตลาดมองว่า ECB จะยังคงใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเพื่อช่วยประคองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป โดย ECB จะคงอัตราดอกเบี้ย Deposit Facility Rate ไว้ที่ระดับ -0.50% พร้อมกับเดินหน้าอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดการเงินผ่านการซื้อสินทรัพย์ (คิวอี) ทำให้ในวันนี้อาจต้องจับตาทิศทางการเคลื่อนไหวของสกุลเงินยูโร (EUR) รวมถึงสินทรัพย์ในยุโรปที่อาจได้รับผลกระทบจากผลการประชุมของ ECB

ทั้งนี เรามองว่า ตลาดการเงินอาจจะไม่ได้เคลื่อนไหวมากนักเนื่องจาก ความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจยุโรปน่าจะถูกรับรู้ไปแล้วพอสมควร (Priced-In) และตลาดจะให้น้ำหนักกับการทยอยเปิดประเทศหลังปัญหาการระบาดคลี่คลายลงมากกว่า