เอ็กโก กรุ๊ป มองโอกาสร่วมทุน เทคโนโลยี 'ไบโอไฮโดรจีเนทดีเซล'

 เอ็กโก กรุ๊ป มองโอกาสร่วมทุน เทคโนโลยี 'ไบโอไฮโดรจีเนทดีเซล'

“เอ็กโก กรุ๊ป” ศึกษาโอกาสเข้าร่วมทุนเทคโนโลยี “ไบโอไฮโดรจีเนทดีเซล” ใช้ทดแทนน้ำมันดีเซล หวังรุกสู่ธุรกิจกรีนไฮโดรเจน พร้อมศึกษาเทคโนโลยี CCS ดักจับคาร์บอนโรงไฟฟ้าถ่านหิน รับเทรนด์โลกมุ่งพลังงานสะอาด

นายกุลิศ สมบัติศิริ ประธานกรรมการ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO (เอ็กโก กรุ๊ป) เปิดเผยว่า เอ็กโก กรุ๊ป ได้วางกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจรับเทรนด์พลังงานในอนาคตที่มุ่งสู่พลังงานสะอาด โดยขณะนี้เรื่องของเทคโนโลยี ไบโอไฮโดรจีเนทดีเซล (Bio - Hydrogenated Diesel ) หรือ BHD กำลังเป็นที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นการนำเอาน้ำมันจากไบโอดีเซลต่างๆมาผสมไฮโดรเจนผ่านกระบวนการไฮโดรจีเนชัน เพื่อนำมาใช้ทดแทนน้ำมันดีเซล โดย เอ็กโก กรุ๊ป กำลังศึกษาหาโอกาสร่วมทุนในเทคโนโลยี BHD เพื่อต่อยอดธุรกิจสู่กรีนไฮโดรเจน

นอกจากนี้ เอ็กโก กรุ๊ป ยังมุ่งศึกษาวิจัยและพัฒนาเรื่องของ Carbon Capture Utilization and Storage หรือ CCUS ที่เป็นเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากโรงไฟฟ้าประเภทถ่านหิน ถึงแม้ว่าโรงไฟฟ้าจะใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง แต่ก็สามารถจัดทำระบบกักเก็บพลังงานจากการใช้เทคโนโลยีถ่านหินสะอาดได้ด้วย ซึ่งในส่วนนี้ ก็จะดำเนินการศึกษา พร้อมกับลงมือปฏิบัติเพื่อให้บริษัทสามารถเติบโตไปควบคู่กับเทรนด์พลังานในอนาคต

161899903758

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัท ได้การลงทุนเรื่องของไฮโดรเจนแล้ว ผ่านโครงการโรงไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง “กังดง” ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นการดึงไฮโดรเจนออกจากก๊าซธรรมชาติ โดยโรงไฟฟ้า “กังดง” เอ็กโก กรุ๊ป ถือหุ้นสัดส่วน อยู่ที่ 49% กำลังการผลิตติดตั้ง 19.80 เมกะวัตต์ ซึ่งได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์(COD) ไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2563

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโรงไฟฟ้าถ่านหิน เอ็กโก กรุ๊ป มองว่า บางประเทศยังให้ความสำคัญกับการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้า เห็นได้จากการบรรจุโรงไฟฟ้าถ่านหินเข้าไปในในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า(PDP) ของบางประเทศ เนื่องจากถ่านหินยังเป็นเชื้อเพลิงที่มีต้นทุนผลิตไฟฟ้าต่ำสุดเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงอื่นๆ และไฟฟ้าถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาที่มีความสามารถในการแข่งขัน ก็ยังมีโรงไฟฟ้าถ่านหินอยู่ ดังนั้น เอ็กโก กรุ๊ป มองว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินก็ยังมีโอกาสอยู่

ขณะเดียวกัน บริษัทให้ความสำคัญกับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ซึ่งจะเห็นว่า เอ็กโกฯ ได้เริ่มผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอยู่ในพอร์ตตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา และปัจจุบัน มีกำลังผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนกว่า 1,360 เมกะวัตต์ ถือว่าเป็นปริมาณที่สูงมาก และจะเดินหน้าตามเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 25% ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม ภายในปี 2573

161899905045

นายเทพรัตน์ กล่าวอีกว่า บริษัท มีโครงการโรงไฟฟ้าที่ใกล้จะสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าลง จำนวน 3 โครงการ คือ โรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจน ขนาดกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขาย 116.32 เมกะวัตต์ จะหมดอายุปี 2567 ซึ่งได้รับการต่อสัญญาแล้ว

และในปี 2568 จะหมดอายุลง 2 โรงไฟฟ้า คือ โรงไฟฟ้าร้อยเอ็ด กรีน เป็นเชื้อเพลิงชีวมวล ขนาดกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขาย 8.80 เมกะวัตต์ ซึ่งเมื่อหมดสัญญาลงก็ถือว่าสิ้นสุดโครงการลง และโรงไฟฟ้าเคซอน ประเทศฟิลิปปินส์ ขนาดกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขาย 460 เมกะวัตต์ ปัจจุบัน อยู่การพิจารณาว่าจะสามารถต่อสัญญาได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนต่ำ และสามารถขายต่อในตลาด Pool ได้