ไทยพร้อมสู้ 'โควิด' เตรียมเตียงไว้กว่า 28,000 เตียง

วันนี้ (20 เม.ย.) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ประจำวันที่ 20 เมษายน 2564 โดยมีเนื้อหาถึงความพร้อมของการจัดการโควิด-19 คือ 

นายกฯ ได้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อเร่งช่วยให้มีวัคซีเพิ่มเข้ามามากขึ้น โดยปัจจุบันมีวัคซีนเพิ่มเข้ามาแล้วประมาณ 2 ล้านกว่าโดส และในเดือนพฤษภาคมก็คาดว่าจะมีวัคซีนจากซิโนแวคเข้ามาเพิ่มเติม 

จากนั้นก็จะได้รับวัคซีนอีกครั้งจากแอสตร้าเซเนก้าที่จะเข้ามาในช่วงเดือนมิถุนายน เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าวัคซีนที่จะนำเข้ามาในช่วงเดือนมิถุนายนนั้น มีจำนวนประมาณ 6-10 ล้านโดสต่อเดือน ซึ่งทำให้การฉีดวัคซีนให้แก่ประชากรไทยนั้น สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วขึ้น

ส่วนการลงทะเบียนจองวัคซีนสำหรับประชาชนทั่วไป ก็จะให้ลงทะเบียนผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ “หมอพร้อม” และผ่านทางแอดไลน์  “หมอพร้อม”  ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ในส่วนงานการจัดหา “เวชภัณฑ์” ต่างๆ รวมถึงการจัดหา “เตียง” สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วประเทศ มีการเตรียมไว้แล้วกว่า 28,000 เตียง ซึ่งเป็นทั้งเตียงจากโรงพยาบาลของรัฐ , เตียงจากโรงพยาบาลเอกชน , เตียงที่มาจากโรงแรมที่ปรับใช้เป็น Hospitel , เตียงในโรงพยาบาลสนาม ซึ่งจำนวนเตียงเหล่านี้ก็กำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะให้เพียงพอกับจำนวนรผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง ประเทศไทยก็ยังมี เครื่องช่วยหายใจทั้งสิ้นจำนวนกว่า 10,000 เครื่อง และก็พร้อมที่จะนำเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ตามสถานการณ์

ส่วนอุปกรณ์ป้องกันตัวของบุคลากรทางการแพทย์ ประเทศไทยก็มีหน้ากากN95 จำนวนกว่า 1.6 ล้านชิ้น และยังมีการสั่งซื้อเพื่อสำรองอย่างต่อเนื่องเรื่อยๆ ถัดมาเป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ประเทศไทยมีอยู่ในระบบมากกว่า 94 ล้านชิ้น 

ชุดPPE มีการเตรียมไว้จำนวนกว่า 5.4 แสนชิ้น ถัดมาเป็นยาที่ใช้รักษาอาการติดเชื้อจากโรคโควิด-19 ขณะนี้เรามียาฟาวิพิราเวียร์ส่งกระจายไปที่โรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งดำเนินการโดยกระทรวงสาธารณสุข ที่กระจายออกไปอย่างพอเพียง และมีการสั่งซื้อเข้ามาเป็นสต็อกไว้อย่างต่อเนื่อง โดยมีการสั่งซื้ออย่างน้อย ไม่ต่ำกว่า 3.5 ล้านเม็ด เพื่อให้มีจำนวนพอเพียงกับผู้ป่วยในไทย

สำหรับห้องปฏิบัติการตรวจเชื้อโควิด-19 ในไทย ขณะนี้พบว่าในประเทศไทยมีห้องปฏิบัติการตรวจเชื้อมากกว่า 270 แห่ง มีกำลังการตรวจอยู่ที่ประมาณ 80,000 กว่าตัวอย่างต่อวัน ซึ่งสามารถที่จะขยายกำลังตรวจเพิ่มเติมตามสถานการณ์ได้อีกเช่นกัน