“โรงไฟฟ้าชุมชนฯ”ส่อเลื่อน เปิดให้รับคำขอฯเป็นพ.ค.นี้

“โรงไฟฟ้าชุมชนฯ”ส่อเลื่อน  เปิดให้รับคำขอฯเป็นพ.ค.นี้

กกพ. รอ “พีอีเอ” ยืนยันความพร้อมเปิดรับคำขอฯ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนฯผ่านระบบออนไลน์ 27-30 เม.ย.2564 ชี้หากไม่ทันจ่อชง บอร์ด 21 เม.ย.นี้ พิจารณาเลื่อนเป็นช่วงเดือน พ.ค.นี้ แทน

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(สำนักงาน กกพ.) และในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรรมการ(บอร์ด) กกพ. ในวันที่ 21 เม.ย. 2564 เตรียมพิจารณาความเหมาะสมในการเลื่อนกำหนดการเปิดประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก(โครงการนำร่อง) พ.ศ.2564 หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นและกระจายวงกว้างขึ้น จนส่งผลให้ที่ผ่านมา กกพ.ได้เลื่อนกำหนดการเปิดยื่นรับคำขอเสนอขายไฟฟ้าในโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนฯ จาก 21-30 เม.ย.2564 ที่กำหนดให้ต้องมายื่นเอกสารที่สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(PEA) โดยให้เลื่อนไปเป็นวันที่ 27-30 เม.ย. 2564 แทน

พร้อมปรับรูปแบบเป็นการยื่นรับคำขอเสนอขายไฟฟ้า ผ่านระบบออนไลน์แทน เพื่อลดปัญหาการเดินทางมาพบปะกันตามนโยบายของรัฐบาลที่ไม่ต้องการให้เกิดการรวมตัวกันของคนจำนวนมากและลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามข้อเสนอแนะของ PEA

“ตอนนี้ กกพ.ได้สั่งการให้ PEA ไปประเมินผลกระทบจากโควิด-19 ต่อการเปิดประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนฯ และดูว่า ทาง PEA จะจัดการระบบออนไลน์ได้ทัน 27-30 เม.ย.2564 นี้หรือไม่ หากไม่ทันอาจต้องเสนอ บอร์ด กกพ. เลื่อนระยะเวลาเปิดรับคำเสนอขายไฟฟ้าออกไปเป็นเดือน พ.ค. นี้ แทน”

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการยื่นคำขอเสนอขายไฟฟ้ามาเป็นรูปแบบยื่นผ่านระบบออนไลน์แทน ทาง กกพ.ก็ยังคงยึดหลักการเดิมเรียงตามลำดับการสมัครก่อนหลังในกรณีที่การพิจารณาคัดเลือกการประมูลแข่งขันที่มีการเสนอราคาเท่ากัน ที่จะนำลำดับก่อนหลังมาใช้ตัดสินผู้ที่ยื่นเสนอโครงการลำดับแรกจะเป็นผู้ชนะการประมูล เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและโปร่งใสมากที่สุด

ส่วนการพิจารณาโครงการฯ กกพ.จะเป็นผู้ดำเนินการเปิดซองประมูลราคาและเป็นผู้ประกาศว่ารายใดผ่านการประมูลเอง ขณะที่ PEA จะทำหน้าที่เปิดรับคำเสนอขายไฟฟ้าจากผู้ประกอบการ และพิจารณาคุณสมบัติผู้เข้าร่วมประมูล รวมถึงการพิจารณาด้านเทคนิคการประมูล จากนั้นจะส่งรายชื่อผู้ผ่านเกณฑ์ดังกล่าว มาให้ กกพ.เพื่อดำเนินการเปิดซองประมูลด้านราคาต่อไป

แหล่งข่าววงการพลังงานทดแทน ระบุว่า โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนฯ ภาครัฐได้เลื่อนเปิดรับสมัครมาหลายรอบ ซึ่งที่ผ่านมาเลื่อนเพราะหลักเกณฑ์ต่างๆยังไม่มีความชัดเจน แต่ในครั้งนี้ เป็นการเลื่อนเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงปรับมาเป็นยื่นผ่านระบบออนไลน์แทน ซึ่งภาคเอกชนก็เข้าใจได้ แต่ยังมีข้อกังวลเรื่องของการยื่นประมูลผ่านระบบอี-บิดดิ้ง ที่อาจมีผลต่อการนำลำดับการยื่นก่อนหลังมาใช้ตัดสินในกรณีที่มีการเสนอราคาประมูลเท่ากัน ซึ่งอาจไม่เป็นธรรม ดังนั้น อยากให้ภาครัฐกำหนดวิธีการที่เหมาะสม หรือตัดหลักเกณฑ์นี้ออก

ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนฯ กำหนดรับซื้อไฟฟ้ารวม 150 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น เชื้อเพลิงชีวมวล 75 เมกะวัตต์ เสนอขายโครงการละไม่เกิน 6 เมกะวัตต์ และเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ(พืชพลังงาน ผสมน้ำเสีย/ของเสีย น้อยกว่าหรือเท่ากับ 25%) 75 เมกะวัตต์ เสนอขายโครงการละไม่เกิน 3 เมกะวัตต์ มีสัญญารับซื้อไฟฟ้า 20 ปี

โดยกำหนดอัตรารับซื้อไฟฟ้า ดังนี้ 1. ชีวมวล กำลังผลิตติดตั้งไม่เกิน 3 เมกะวัตต์ คิดอัตรา Feed-in Tariff (FiT) อยู่ที่ 4.8482 บาทต่อหน่วย และกำลังการผลิตติดตั้งมากกว่า 3 เมกะวัตต์ อัตราอยู่ที่ 4.2636 บาทต่อหน่วย 2. ก๊าซชีวภาพ (พืชพลังงาน) อัตราอยู่ที่ 4.7269 บาทต่อหน่วย และมี FiT Premium สำหรับพื้นที่พิเศษ อีก 0.50 บาทต่อหน่วย