40 ซีอีโอร่วมฟื้นประเทศดันฉีดวัคซีนคนไทย 5 หมื่นโดส/วัน

(ชมคลิปข่าวด้านล่าง) หอการค้าไทยจับมือ 40 ซีอีโอภาคธุรกิจร่วมมือผลักดันไทยเปิดประเทศ เตรียมแผนกระจายวัคซีนฉีดครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ 100% ภายในมิ.ย. หลังไทยล่าช้าในการฉีดวัคซีนได้แค่ 0.4% ของประชากร

หอการค้าไทยจับมือ 40 ซีอีโอภาคธุรกิจร่วมมือผลักดันไทยเปิดประเทศ เตรียมแผนกระจายวัคซีนฉีดครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ 100% ภายในมิ.ย. หลังไทยล่าช้าในการฉีดวัคซีนได้แค่ 0.4% ของประชากร พร้อมเร่งจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมช่วยภาครัฐที่คาดมีความต้องการอีก 30 ล้านโดส ส่วนเอกชนพร้อมจ่ายเงินวัคซีน 1 ล้านโดสภายในองค์กร

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ผลการหารือระหว่างหอการค้าไทยและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของบริษัทใหญ่กว่า 40 บริษัท จากทุกกลุ่มธุรกิจของไทย ผ่านระบบประชุมทางไกล เพื่อร่วมกันวางแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของภาคเอกชน และต้องจัดหาวัคซีนทางเลือกให้เพียงพอนั้น โดยทั้งหมดสนับสนุนภาครัฐให้สามารถเปิดประเทศได้อย่างรวดเร็ว เพื่อความปลอดภัยและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวโยบายหลัก ภารกิจ 99 วันแรกของการทำงานในหอการค้า ที่ต้องมีการ Connect the dots คือ ดึงความร่วมมือจากทุกฝ่าย ให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้

อย่างไรก็ตาม ผลสรุปจากการประชุม CEO ทุกบริษัทเห็นตรงกันว่าขณะนี้ประเทศไทยได้รับการฉีดวัคซีนไปเพียง 0.4% ของประชากรเท่านั้น ซึ่งถือว่าล่าช้ามากสำหรับการที่จะเปิดประเทศที่จะต้องฉีดให้ได้ถึง 70% ของประชากร ภาครัฐจำเป็นต้องจัดหาวัคซีนให้เพียงพอกับทุกคน   โดย CEO ทุกท่านพร้อมที่จะช่วยภาครัฐ ซึ่งหอการค้าไทยพร้อมที่จะเป็นตัวกลางในการ Connect the dots เพื่อฟื้นเศรษฐกิจไทย และเชื่อว่า หากคนไทยทุกคน ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมแรงร่วมใจ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จะทำให้ประเทศไทยของเราฝ่าวิกฤติ โควิด-19 นี้ไปได้อย่างแน่นอน


สำหรับวัคซีนล็อตใหญ่ที่จะเริ่มเข้ามาตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้ จะต้องมีการเตรียมตัว และวางแผนการกระจายวัคซีนให้มีประสิทธิภาพ ดังนั้น หอการค้าไทยและเครือข่ายภาคเอกชน จะช่วยสนับสนุนภาครัฐในการกระจายวัคซีนที่ภาครัฐจัดซื้อมา ให้เกิดประสิทธิภาพและทั่วถึงมากที่สุด โดยจะเริ่มที่ กทม.ก่อน เพื่อเป็นตัวอย่างให้จังหวัดอื่น ๆ พร้อมสนับสนุนให้เอกชนมีส่วนร่วมในการเจรจาซื้อวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติม

หอการค้าไทยได้กำหนดเป้าหมายการทำงานว่า ภายในปี 2564 ต้องบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนในกรุงเทพฯ 70% โดยบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้าของ กทม. ต้องได้รับการฉีดทั้งหมด 100% ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน ส่วนการฉีดวัคซีนสำหรับประชาชนทั่วไปในกรุงเทพฯ ต้องให้ได้อย่างน้อย 50,000 โดสต่อวัน โดยภาคเอกชนจะเข้ามาเสริมการทำงานของภาครัฐเพื่อให้ได้เป้าหมายดังกล่าว พร้อมกันนั้น จะจัดทำรูปแบบมาตรฐาน หรือรูปแบบตัวอย่างของภาคเอกชนที่สนับสนุนการฉีดวัคซีน ให้กับจังหวัดอื่น ๆ ภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ และเชื่อมั่นว่า ภาคเอกชนสามารถใช้ความถนัด ความเชี่ยวชาญ และ ทรัพยากรของพวกเราเพื่อประเทศได้

นอกจากนี้ หอการค้าไทยและเครือข่าย จะแบ่งงานออกเป็น 4 ทีม เพื่อสนับสนุนการฉีดวัคซีน ได้แก่
TEAM A: Distribution and Logistics ทีมสนับสนุนการกระจายและฉีดวัคซีน ช่วยสนับสนุน สถานที่ บุคลากร อาสาสมัคร และอุปกรณ์ IT เช่น คอมพิวเตอร์ ปริ๊นเตอร์ เครื่องอ่านบัตรประชาชน ให้ กทม. เพิ่มจากโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ซึ่งตอนนี้ได้มีการเตรียมและไปลงพื้นที่สำรวจกับ กทม. แล้ว ในระยะแรก จำนวน 10 พื้นที่ใน กทม. ที่เอกชนจะนำร่อง เช่น กลุ่มเซ็นทรัล , SCG , เดอะมอลล์ , สยามพิวรรธน์ , เอเชียทีค , โลตัส , บิ๊กซี , ทรูดิจิตัลพาร์ค เป็นต้น โดยจะสรุปกับ กทม.ภายในวันที่ 27 เมษายนนี้ และในระยะถัดไปจะมีการหารือในการจัดทำหน่วยฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ไปยังจุดต่าง ๆ เพื่อลดการเคลื่อนย้ายของประชาชน

TEAM B: Communication ทีมการสื่อสาร เพื่อให้ประชาชนเข้าใจและมาฉีดวัคซีนในสถานที่ที่พร้อม เพราะปัจจุบันหลายคนยังไม่เข้าใจเรื่องการฉีดวัคซีน หลายคนไม่ยอมฉีด ดังนั้น ต้องทำความเข้าใจ ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ทั้งนี้ ภาครัฐจะทำระบบ “หมอพร้อม” เสร็จสิ้นในเดือนนี้ ซึ่งจะสามารถระบุสถานที่ต่าง ๆ ที่ลงทะเบียนฉีดวัคซีน การจัดคิวการฉีดที่ไม่หนาแน่น หรือลำดับการฉีดที่เหมาะสม โดยได้รับการสนับสนุนจากหลายบริษัท อาทิเช่น Google, LINE, Facebook, VGI และ Unilever เป็นต้น

TEAM C: IT Operation ทีมเทคโนโลยีและระบบ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการลงทะเบียน ขั้นตอนในการฉีดที่รวดเร็ว และมีระบบการติดตามตัว พร้อมสามารถออกใบรับรองการฉีดวัคซีนได้ โดยมีหลายบริษัท นำทีมโดย IBM เข้ามาสำรวจและปรับปรุงกระบวนการ

TEAM D: Extra Vaccine procurement ทีมจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม ร่วมกับภาครัฐและเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชน โดยจะไปสำรวจความต้องการฉีดวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติม เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของรัฐบาล และทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วมากขึ้น นำโดยสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งในได้มีการหารือกันแล้ว ประเมินว่ายังต้องการวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติมอีก 30 ล้านโดส เพื่อให้ครอบคลุม 70% ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งวัคซีนทางเลือก ได้แก่ 1 ประเทศสหรัฐอเมริกา วัคซีน Moderna และ Pfizer 2. ประเทศจีน วัคซีน Sinopharm และ CanSino Biologics 3. ประเทศอินเดีย วัคซีน COVAXIN จากบริษัท Bharat Biotech และ 4 ประเทศรัสเซีย วัคซีน Sputnik V ซึ่งภาคเอกชนยินดีที่จะจ่ายค่าวัคซีนให้กับพนักงานของบริษัทรวมแล้วเกือบ 1 ล้านราย เพื่อแบ่งเบาภาระให้กับรัฐบาล


CEO ที่เข้าร่วมการประชุม ได้แก่
• บจก.น้ำตาลมิตรผล
• บจก.ปูนซิเมนต์ไทย (SCG)
• บมจ.ศรีไทยซุปเปอร์แวร์
• บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ
• บมจ.ซีแวลูกรุ๊ป
• บจก.เซ็นทรัลพัฒนา
• บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น
• บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป
• บมจ.ดุสิตธานี
• บมจ.เดอะมอลล์ กรุ๊ป
• บจก.โตชิบา ไทยแลนด์
• บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น
• บจก.ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม
• บจก.ไทยน้ำทิพย์
• บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ
• บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป
• บมจ.ไทยวิวัฒน์ประกันภัย
• ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
• ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
• ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
• ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)
• ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
• บมจ.บี.กริม เพาเวอร์
• บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล
• บมจ. บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์
• COSO Foods Thailand & Vietnam of Pepsi Cola (Thai) Trading Co., Ltd.
• บจก.เมืองไทยประกันภัย
• บจก.ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง
• บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา
• บจก.โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท
• บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
• บจก.ไลน์ ประเทศไทย
• บจก.สยามพิวรรธน์
• บจก.สิงห์ คอร์เปอเรชั่น
• บจก.หลักทรัพย์จัดการกองทุนเมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์
• บจก.เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม (เทสโก้ โลตัส ประเทศไทย)
• บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น
• บจก.ไอบีเอ็ม ประเทศไทย (IBM)
• บมจ. เอ็ม บี เค (MBK Group)
• บจก.เฟซบุ๊ก (ประเทศไทย)
• บจก.กูเกิล (ประเทศไทย)
• Kao Industrial (Thailand) Co., Ltd.
• SIAM MAKRO PCL
• Minor International PCL
• Nestle Indochina, Nestle