โตโยต้ารุกตลาดอีวี-เร่งผลิตรถไฟฟ้าใหม่15รุ่น

ขณะที่กระแสตอบรับรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าทั้งคันทั่วโลกกำลังมาแรง โตโยต้า มอเตอร์ ค่ายรถชั้นนำของญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญกับรถลูกผสมมาตลอด ก็ประกาศแผนเร่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ 15 รุ่น ภายในปี 2568 หวังชิงส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าทั้งคัน ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว หลังจากที่บรรดาค่ายรถคู่แข่งทั้งในสหรัฐและยุโรปพัฒนารถไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบไปแล้วหลายรุ่น

รถไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆที่โตโยต้าจะเร่งผลิตมีด้วยกันทั้งหมด 7 รุ่นคือ โตโยต้า bZ ซึ่งเป็นรุ่นที่หนึ่ง โตโยต้า bZ4X เอสยูวี เป็นรุ่นที่พัฒนาร่วมกับซูบารุ ซึ่งโตโยต้าถือหุ้น 20% และจะวางจำหน่ายภายในกลางปี 2565 และโตโยต้าตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนรุ่นรถไฟฟ้า ซึ่งครอบคลุมรถไฮบริดและรถอีวี ให้ได้ประมาณ 70รุ่นภายในปี 2568จาก 55 รุ่นนับจนถึงปลายปี 2563 และปัจจุบัน โตโยต้าจำหน่ายรถไฟฟ้าทั้งคันจำนวน 4 รุ่นด้วยกัน

โตโยต้าประกาศแผนรุกตลาดรถยนต์อีวีในงานเซี่ยงไฮ้ ออโต้ โชว์ พร้อมทั้งเปิดตัวรถต้นแบบรุ่น bZ4X. ด้วย และนอกจากซูบารุแล้ว โตโยต้ายังเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทบีวายดีของจีน ซูซูกิ มอเตอร์ และไดฮัทสุ มอเตอร์เพื่อพัฒนารถรุ่นใหม่ และเมื่อปีที่แล้ว โตโยต้า ได้ร่วมทำการวิจัยและพัฒนากับบริษัทบีวายดี โดยมุ่งเน้นพัฒนารถอีวีเป็นหลัก

รถรุ่น bZ4X ซึ่งจะผลิตในญี่ปุ่นและจีนจะเป็นรถอีวีรุ่นแรกของบริษัทที่พัฒนาโดยใช้แพลตฟอร์ม e-TNGA ที่โตโยต้าร่วมพัฒนากับซูบารุ เพื่อรองรับทั้งรถขับเคลื่อนล้อหน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง และขับเคลื่อน 4 ล้อ

นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม e-TNGA ยังสามารถติดตั้งชุดแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าหลากหลายขนาด ตั้งแต่รถซิตี้คาร์ที่มีกำลังพอเหมาะไปจนถึงรถสมรรถนะสูงหลายร้อยแรงม้าอีกด้วย โดยToyota วางแผนพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด 6 รุ่นบนแพลตฟอร์มนี้

รถยนต์ไฟฟ้าของโตโยต้าในปัจจุบัน ที่รวมถึงรุ่น C-HR และ IZOA วางจำหน่ายในจีนและเล็กซัสรุ่น UX300e จำหน่ายในตลาดโลกและโตโยต้ายังวางแผนเพิ่มยอดขายรถไฟฟ้าและรถขับเคลื่อนด้วยเซลล์เชื้อเพลิงให้ได้กว่า 1 ล้านคันภายในปี 2573 ส่วนยอดขายรถอีวีทั่วโลกของโตโยต้าอยู่ที่ประมาณ 3,300 คันในปี 2563

การประกาศรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของโตโยต้า มีขึ้นหลังจากบริษัทโฟล์คสวาเกน ผู้ผลิตรถรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ตั้งเป้าผลิตและนำส่งรถพลังงานไฟฟ้าให้ได้จำนวนกว่า 450,000 คันภายในปีนี้ ขณะที่เป้ารวมของรถไฟฟ้าจากทุกแบรนด์ของบริษัทอยู่ที่ 1 ล้านคัน โดยนอกจากแบรนด์ โฟล์คสวาเกนแล้ว บริษัทนี้ยังเป็นเจ้าของแบรนด์รถยนต์ดังมากมายเช่น เบนท์ลีย์ บูกาติ แลมบอร์กินี และปอร์เช่

โฟล์คสวาเกน ยังมุ่งหวังที่จะเห็นรายได้จากยอดขายและกำไรของบริษัทในปีนี้ปรับตัวขึ้นอย่างมากจากปีที่แล้ว ภายใต้แผนงานนี้ด้วย

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ผู้ผลิตรถสัญชาติเยอรมันรายนี้เพิ่งเปิดตัวยุทธศาสตร์ “เร่งเครื่อง”(Accelerate) สำหรับแบรนด์รถหลักของบริษัท ด้วยการปรับสัดส่วนรถไฟฟ้าให้เพิ่มขึ้นเป็น 70 % ของยอดขายรถในยุโรปภายในปี 2573 ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าจาก 35% ที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้

ขณะเดียวกัน บริษัทยังวางแผนลงทุนในแบรนด์โฟล์คสวาเกน เป็นเงินอีก 16,000 ล้านยูโร (ประมาณ 19,000 ล้านดอลลาร์) สำหรับการพัฒนาระบบไฟฟ้าและดิจิทัลของแบรนด์ภายในปี 2568