GULFทุ่มแสนล้านเทนเดอร์ INTUCH หวังรุกธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล

GULFทุ่มแสนล้านเทนเดอร์ INTUCH หวังรุกธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล

GULFเตรียมเงินกว่า“แสนล้าน”เทคโอเวอร์ “อินทัช” ผ่านการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ในราคาหุ้นละ 65 บาท หวังสยายปีกสู่ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน รองรับกระแสดิจิทัล  มั่นใจได้รับผลตอบแทนดี “สมิทธ์” ลั่นไม่เพิ่มทุน แจงแบงก์ทั้งในประเทศ-ต่างประเทศพร้อมปล่อยกู้

นับเป็นดีลเทคโอเวอร์ขนาดใหญ่ของปีนี้ เมื่อคณะกรรมการบมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 เม.ย.2564 อนุมัติให้บริษัทลงทุนในหุ้น อินทัช โฮลดิ้งส์ ( INTUCH) ผ่านการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ โดยสมัครใจโดยมีเงื่อนไขก่อนการทำคำเสนอซื้อ (Conditional Voluntary Te nder Offer) ในราคาหุ้นละ 65 บาท จำนวนไม่เกิน 2,599,631,112 หุ้น หรือ 81.07% ของหุ้นทั้งหมด INTUCH และในกรณีที่มีการใช้สิทธิแปลงวอร์แรนท์ ทั้ังหมด บริษัทจะต้องซื้อหุ้น INTUCH เพิ่มอีก 1,268,956 หุ้น คิดเป็นเงินรวม 169,058 ล้านบาท

ทั้งนี้จากกฎ Chain Principle ในกรณีที่ผลของการทำเทนเดอร์บริษัทถือหุ้น INTUCH เพิ่มขึ้นตั้งแต่ 50% ขึ้นไปของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ INTUCH บริษัทต้องงทำคำเสนอซื้อหุ้น บมจ.ไทยคม(THCOM) และบมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC )โดยกรณี THCOM บริษัทไม่ต้องการทำเทนเดอร์จึงจะขอผ่อนผันกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ส่วน ADVANC เมื่อบริษัททำเทนเดอร์ INTUCH เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมการหารือกับ ก.ล.ต. ในการขอผ่อนผันระยะเวลาการเริ่มทำเทนเดอร์ ที่บริษัทจะทำเทนเดอร์ ADVANC ที่ราคา 122.86 บาท จำนวน 2,973,554,313 หุ้น หรือ 100%  ซึ่งหากมีการใช้สิทธิแปลงวอร์แรนท์คงเหลือทั้งหมด จะต้องซื้อหุ้นสามัญ ADVANC อีก 1,304,977 หุ้น  มูลค่า 365,491 ล้านบาท ซึ่งหากรวมการทำเทนเดอร์ INTUCH และ ADVANC  จะใช้เงินรวม 534,549.72 ล้านบาท แหล่งเงินทุนจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทและ เงินกู้จากสถาบันการเงิน

อย่างไรก็ตามเงื่อนไขสำคัญการทำเทนเดอร์ INTUCH จะมีผลสำเร็จ จะต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น GULF ในวันที่ 25 มิ.ย.2564 และต้องได้รับการผ่อนผันไม่ต้องทำเทนเดอร์หุ้น THCOM ฯลฯ

สิงเทล ยันไม่ขายหุ้น

    ด้านเว็บไซต์สเตรทส์ไทม์สของสิงคโปร์รายงานว่า SINGTEL GLOBAL INVESTMENT PTE. LTD ผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 1 ของ INTUCH จำนวน 21% แจ้งตลาดหลัก ทรัพย์สิงคโปร์ ว่า บริษัทมองการถือหุ้นใน INTUCH และ ADVANC เป็นการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ และเชื่อมั่นในธุรกิจดังกล่าวในระยะยาว

ขณะนี้ SINGTELฯ กำลังทบทวนทางเลือกเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ถือหุ้น INTUCH และ ADVANC จะได้ผลประโยชน์เต็มที่จากมูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจ บริษัทจะเปิดเผยรายละเอียดที่เกี่ยวข้องในเวลาที่เหมาะสม ทั้งยังขอให้ผู้ถือหุ้นระงับกระทำการใดๆ ต่อหุ้น SINGTEL ที่อาจกระทบต่อผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเอง และขอให้ระมัดระวังในการซื้อขายหุ้นสิงเทล

กัลฟ์ยันไม่เพิ่มทุน

นายสมิทธ์ พนมยงค์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารสินทรัพย์ธุรกิจในเครือและการลงทุน GULF เปิดเผยว่า การทำเทนเดอร์หุ้น INTUCH  บริษัทจะไม่มีการเพิ่มทุน โดยจะใช้เงินกู้จากสถาบันการเงิน  ซึ่งปัจจุบันมีสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศมาเสนอเพิ่มกรอบวงเงินกู้ให้บริษัทหลายราย และทาง SINGTEL GLOBAL INVESTMENT PTE. LTD. ประกาศจะไม่ขายหุ้นออกมา เพราะการเข้าลงทุนในหุ้น INTUCH เป็นการลงทุนในระยะยาว ทำให้หากผู้ถือหุ้นรายอื่นนำหุ้นมาขายทั้งหมดจะใช้เงินทำเทนเดอร์ประมาณกว่า 1 แสนล้านบาท แต่หากผู้ถือหุ้น INTUCH นำหุ้นมาขายน้อยก็จะใช้เงินทำเทนเดอร์ลดลง 

“ตามแผนก็คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 1.69 แสนล้านบาท แต่หากขายออกมาไม่ถึงที่กำหนดก็จะใช้เงินน้อยลง ส่วนกรณี Singtel ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใน INTUCH ก็ยังไม่ได้มีการคุยกัน  เพราะเท่าที่ทราบทาง Singtel มองว่าการลงทุนใน INTUCH ระยะยาว หาก Singtel ไม่ขายหุ้นออกมา ก็เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน”

ทั้งนี้ราคาเสนอซื้อหุ้นละ 65.00 บาท เป็นราคาที่เหมาะสมตามเกณฑ์การคำนวณราคาหุ้น ขณะที่ราคาเสนอซื้อหุ้น ADVANC เป็นไปตามวิธีคำนวณต้นทุนการได้มาซึ่งการครอบงำกิจการผ่านนิติบุคคลอื่น ราคาหุ้นละ 122.86 บาท แม้ว่าจะต่ำกว่าราคาในกระดาน แต่ยืนยันว่ามีสูตรคำนวณราคาที่ชัดเจนตามกฎเกณฑ์ของก.ล.ต. โดยบริษัทและเตรียมขอผ่อนผันทำเทนเดอร์ฯ THCOM ต่อสำนักงานก.ล.ต. 

ส่วนกรณีที่บริษัทไม่ทำเทนเดอร์หุ้น THCOM  เพราะบริษัทไม่ได้ต้องการเข้าไปเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือหรือธุรกิจดาวเทียม ซึ่งบริษัทได้ขอผ่อนผันแล้ว คาดว่าจะรู้ผลชัดเจนใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้รับการอนุมัติ  เพราะที่ผ่านมาเคยเกิดกรณีเช่นนี้มาแล้ว  โดยบริษัทคาดว่ากระบวนการทำเทนเดอร์หุ้น INTUCH จะเสร็จปลายเดือนก.ค.2564

ลั่นทุนไทยผงาดธุรกิจ

นายสมิทธ์ กล่าวว่า การลงทุนใน INTUCH  เนื่องจากประเทศไทยเข้าสู่สังคมดิจิทัลมากขึ้น ขณะที่กัลฟ์ฯ เติบโตมาจากธุรกิจโรงไฟฟ้าและกำลังขยายไปสู่ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งธุรกิจด้านดิจิทัล ก็ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จะเติบโตในอนาคต จึงมองว่า INTUCH มีแพลตฟอร์มที่ดีและมีกระแสเงินสดที่มั่นคง รวมถึงให้ผลตอบแทนที่ดี พร้อมเชื่อว่าจะช่วยต่อยอดการลงทุนที่บริษัทมีอยู่เดิมได้ และต้นทุนดอกเบี้ยในการกู้ยืมในครั้งนี้ก็ต่ำกว่าระดับ 3%  เทียบกับผลกตอบแทนเงินปันผลที่ได้จาก INTUCH

แหล่งข่าวระดับสูงจากกัลฟ์ กล่าวว่า การลงทุนใน อินทัช จะเป็นการต่อยอดให้ทุนไทยผงาดในธุรกิจที่สำคัญของประเทศ และเมื่อได้ซื้อกิจการสำเร็จ ก็จะมุ่งให้ อินทัช ลงทุนในธุรกิจคว้นคว้าและวิจัยมากขึ้น รวมถึงการทำซีเอสอาร์มากกว่าที่เป็นอยู่ เนื่องจากที่ผ่านมายุทธศาสตร์การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในอินทัช มุ่งแต่นำเงินปันผลเท่านั้น

นักวิเคราะห์มองกัลฟ์มีแต่ได้

นายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บลน.เอฟเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า หากทำเทนเดอร์ INTUCH สำเร็จ จะส่งผลดีต่อGULFหลายด้าน เช่น สัดส่วนหนี้สินต่อทุนของกัลฟ์จะลดลงจาก 3 เท่ากว่าๆ เหลือเพียง 1.1 เท่า บนสมมติฐาน GULFสามารถซื้อหุ้นอินทัช ได้ 70-80% ทำให้ต้องรวมงบการเงินกับ INTUCH

ประการต่อมา การที่สัดส่วนหนี้ต่อทุนของกัลฟ์ลดลงทำให้ความสามารถในการก่อหนี้ของกัลฟ์เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ดังนั้นการที่เข้าไปซื้อหุ้นINTUCHด้วยงบประมาณมากกว่า 1 แสนล้านบาท อาจใช้เงินกู้มากกว่าที่จะเพิ่มทุน แต่ถึงแม้GULFจะเพิ่มทุน ก็ไม่มีปัญหา เพราะกำไรที่ได้เพิ่มจากส่วนแบ่งกำไรจากADVANCตามสัดส่วนการถือหุ้น 41% ปีละกว่า 1 หมื่นล้านบาท เม็ดเงินที่ได้มากพอรองรับกับจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นมาจากการเพิ่มทุน

“หากกัลฟ์ซื้อหุ้นINTUCHได้ตามเป้า ถือหุ้น 70-80% มีอำนาจในการคอนโทรลบริษัท ความเป็นบริษัทต่างประเทศของINTUCHจะหมดไป กลายเป็นบริษัทคนไทย ซึ่งจะมีประโยชน์โดยตรงต่อหุ้นไทยคม และ แอดวานซ์ ที่มีปัญหากับภาครัฐจะคลี่คลาย เพราะความเป็นบริษัทคนไทย กฎเกณฑ์ต่างๆจะลดลง

 

หวังใช้ฐานลูกค้า“เอไอเอส”ต่อยอดธุรกิจ

นายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์บล.กสิกรไทย กล่าวว่า  GULF เข้าถือหุ้น  INTUCH หวังที่จะต่อยอดธุรกิจ เพราะในอนาคต GULF มีแผนที่จะขายไฟฟ้าตรงให้กับภาคครัวเรือน ซึ่งเป็นINTUCH เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ADVANC ซึ่งมีฐานลูกค้าถึง 40 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลดีกับ GULF ที่ไม่ต้องหาฐานลูกค้าเอง เพราะหากสร้างฐานลูกค้าเองก็จะมีต้นทุนที่สูง  และGULF มองว่า  INTUCH มูลค่าที่ซ่อนอยู่ 

ทั้งนี้แม้ทาง GULF ต้องกู้เงินมาซื้อหุ้น INTUCH แต่ไม่ได้ทำให้ D/E  ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งหากซื้อหุ้นได้ทั้งจำนวน  D/E ก็ไม่เกิน 3.5 เท่า เพราะถ้าซื้อหุ้นได้เกิน 50% จะรับรู้งบการเงิน INTUCH ซึ่ง INTUCH นั้นไม่มีหนี้ และเป็นหุ้นที่มีทุน และกระแสเงินสดที่สูง ก็จะส่งผลดีกับ GULF ทำให้มี D/E ไม่สูง  

      คาดว่า GULF จะซื้อหุ้น INTUCH ได้อีกประมาณ 10-20% จากปัจจุบันที่ถือหุ้น18.93% ทำให้ถือหุ้นเพิ่มเป็น 29-30% เพราะทางกลุ่มเทมาเส็ก ซึ่งถือหุ้นโดย SINGTEL 21% และ THE HONGKONG AND SHANGHAI BANKING CORPORATION LIMITED ถือ 5.20% รวมถือ 25% ไม่ขายหุ้นออกมา และอาจมีผู้ถือหุ้นรายอื่นไม่ขายเช่นกัน ทำให้ ดีลนี้อาจใช้เงินทุนไม่มาก 

      อย่างไรก็ตามหาก  GULF เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่  INTUCH คาดว่าธุรกิจสื่อสารก็จะไม่ได้มีการแข่งขันที่รุนแรงกว่าปกติ เพราะ GULF ไม่ได้เปลี่ยนทีมผู้บริหาร ยังคงทีมเดิม

ราคาเทนเดอร์ INTUCH ไม่จูงใจ

นายมงคล พ่วงเภตราผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกล ยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที (ประเทศไทย) กล่าวว่า การทำเทนเดอร์ INTUCH ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญกับทาง GULF เพราะ ใช้เงินที่สูง  โดยคาดว่าราคาหุ้น GULF จะยังไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนกว่าจะทำเทนเดอร์เสร็จ เพราะยังมีความกังวลเงื่อนไขในการทำเทนเดอร์จะต้องได้รับการผ่อนผันในการทำเทนเดอร์หุ้น THCOM ก่อน จึงยังราคาเป้าหมาย GULF ที่ 40 บาทต่อหุ้น 

  ทั้งนี้ส่วนตัวมองว่าราคาเทนเดอร์ INTUCH ที่ 65 บาทนั้นเป็นราคาไม่สูงกว่าเทียบกับราคาปิดวันที่ 16 เม.ย.  และผู้ถือหุ้นใหญ่ SINGTEL ประกาศไม่ขายหุ้นออกมา ทำให้นักลงทุนรายอื่นอาจไม่ขายหุ้นออกมาเช่นกัน จะไปรอขายเมื่อGULF มี ซินเนอร์จี้กับ INTUCH  ในการต่อยอดธุรกิจมาด้านเทคโนโลยี

ราคาหุ้น อินทัช ปิดตลาดวานนี้ที่ 63 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท ส่วนหุ้น GULF ปิดที่ 32.25 บาท ลดลง 0.50 บาท