'เพื่อไทย'จี้'รัฐบาล'จ่ายเงินสด5พัน เยียวยาปชช.เดือดร้อน'โควิด'3เดือน

'เพื่อไทย'จี้'รัฐบาล'จ่ายเงินสด5พัน เยียวยาปชช.เดือดร้อน'โควิด'3เดือน

"พท." จัดเสวนา วิกฤติ-ทางออก "โควิด" พิชัย ชี้ มีสัญญาณ "รัฐบาล" จะกู้อีก จี้ จ่ายสดเยียวยา 5 พัน ปชช. 3 เดือน "หมอชลน่าน" เผย ระลอก3 อาจติดเชื้อถึงแสนในเดือนเดียว "เผ่าภูมิ" ชี้ เน้นส่งออก-จ้างงาน ฟื้นศก.

พรรคเพื่อไทย จัดเสวนาวิกฤตและ ทางออก โควิด ระลอก 3 โดยมีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว ..น่าน พรรคเพื่อไทย นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทย จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ..เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย

ทั้งนี้ นายพิชัย กล่าวว่า การระบาดโควิด ครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าห่วง เพราะแต่เดิมก็มีปัญหามากมาย ตั้งแต่การระบาดรอบแรก ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจไม่สามารถเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ และยิ่งมีการระบาดช่วงเทศกาลสำคัญ ยิ่งทำให้ผลประกอบการต่างๆ มีปัญหาแบบลูกโซ่ส่วนปัญหาการคลัง ปีนี้มีความเป็นไปได้ที่จะมีหนี้สาธารณะ ทะลุร้อยละ 60 หนี้ภาคครัวเรือนทะลุร้อยละ 90 หลายบริษัทก็มีผลประกอบการติดลบ ทำให้มีสัญญาณว่า รัฐบาลจะเข้าสู่สภาวะการกู้เงินอีกครั้ง และเห็นว่า การระบาดตั้งแต่ครั้งแรก มักมาจากความผิดพลาดของรัฐบาล ทั้งสนามมวย การละเลยบ่อนการพนัน รวมถึงจากสถานบันเทิง และมองว่า หากมีการรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากบริษัทที่เหมาะสม หรือมีตัวเลือกที่มากเหมือนหลายประเทศ นอกจากช่วยประชาชนได้แล้ว ยังสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไปในตัวได้อีก เนื่องจากประชนจะมีความมั่นใจพร้อมแนะรัฐบาล ควรเริ่มเยียวยาประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเป็นระยะเวลา 3 เดือนทันที

ดังนั้น ในภาวะวิกฤตไวรัสโควิดรอบใหม่นี้ จึงอยากเสนอแนวทางออกของประเทศไทยทั้งในระยะสั้นและในระยะกลาง ทั้งหมด 6 แนวทางดังนี้

1. ต้องเร่งเยียวยาประชาชนโดยด่วน โดยไม่ต้องรอให้ประชาชนด่าก่อนค่อยคิดเยียวยาประชาชนลำบากกันอย่างมากอยู่แล้ว ยังต้องมาเจอการระบาดรอบ 3 กันอีก และต้องยอมรับความจริงว่าการระบาดส่วนหนึ่งมาจากคนในรัฐบาลด้วย และการระบาดครั้งนี้ทำท่าจะรุนแรงและยืดเยื้อ แม้จะไม่ประกาศล็อกดาวน์ แต่การห้ามกิจกรรมหลายอย่างก็ไม่ต่างจากล็อกดาวน์แล้ว ดังนั้นจึงขอเสนอให้เยียวยาประชาชนเดือนละ 5,000 บาท จำนวน 3 เดือน โดยจ่ายเป็นเงินสด ไม่เอาแบบโอนเงินเหมือนครั้งที่ผ่านมา

2. รัฐบาลจะต้องเร่งหาวัคซีนมากระจาย การฉีดให้กับประชาชนโดยเร็ว ไม่ว่าด้วยวิธีใด และต้องมีหลายยี่ห้อ หลายประเทศผู้นำจะติดต่อบริษัทโดยตรงเพื่อเจรจาแบ่งปันขอซื้อวัคซีน

3. เร่งช่วยเหลือธุรกิจ SME การให้ซอฟท์โลนอย่างเร่งด่วนหลังจากปล่อยธุรกิจ SME ตามยถากรรมมาเป็นปีแล้ว การรักษาธุรกิจเดิมไว้ และ ต้องเร่งสร้างธุรกิจใหม่เป็นความจำเป็นเร่งด่วน

4. เร่งสร้างความมั่นใจให้กลับมาโดยเร็ว ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สามารถทำได้แล้วยิ่งเหตุการณ์ในประเทศเมียนมามีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ภาพลักษณ์ของไทยก็พลอยเสื่อมเสียไปด้วย เพราะในสายตาของต่างชาติประเทศไทยในปัจจุบันไม่ต่างจากประเทศเมียนมา เพียงแต่ยังไม่ได้ฆ่าประชาชนเพิ่มขึ้นเหมือนเผด็จการพม่าเท่านั้นเอง

5. เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นปัญหาหลักของประเทศให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

6. เร่งสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับประเทศ โดยการปล่อยนักศึกษาและแกนนำผู้ชุมนุมที่ถูกคุมขังทั้งที่คดียังไม่สิ้นสุด อีกทั้งต้องให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน เพื่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างธุรกิจใหม่

ด้าน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การระบาดครั้งล่าสุด ถือเป็นเครื่องสะท้อนระบบสาธารณสุขของประเทศ เพราะเป็นสิ่งท้าทายว่ารัฐบาลว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้ดีแค่ไหน ล่าสุดถือว่ามีการติดเชื้อในเดือนเดียวเท่านั้น มากสุดเท่าที่เคยมีมา ทั้งนี้มีรายงานว่าประเทศไทย มีอัตราการแพร่เชื้อได้สูง และหากไม่มีมาตรการชัดเจน ในเดือนเดียวอาจจะมีผู้ติดเชื้อเกือบ 1 แสนคนก็เป็นได้  พร้อมระบุด้วยว่า การที่รัฐบาล ประกาศว่ามีผู้ติดเชื้อครบทุกจังหวัด การตรวจเชิงรุก ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะรัฐบาลต้องพยายามปรับมาตรการในการป้องกันและตรวจเชื้อใหม่ทั้งระบบ ที่สำคัญคือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เห็นว่า มาตรการเยียวยาของรัฐบาล ยังไม่มีความชัดเจนดังนั้น จึงต้องเร่งจัดหาวัคซีนให้เพียงพอและรวดเร็วก่อนที่ไวรัสจะกลายพันธุ์ เป็นปัญหาเพิ่มเติมในอนาคต

ขณะที่นายเผ่าภูมิ ระบุว่า ...เงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท ลงไปในระบบเพียง 6 แสนกว่าล้านบาทเท่านั้น ทั้งที่เม็ดเงินในการเยียวยา ควรลงในระบบ 4 ล้านล้านบาท และเมื่อลงระบบได้ไม่เต็มที่ก็เหมือนร่างกายคนที่ขาดสารอาหาร เหมือนเดินขาเดียว หลายโครงการของรัฐบาล ก็ไม่ครอบคลุมพอต่อประชาชนที่มีปัญหา ส่วนทางออกที่ดีที่สุด คือ การทำให้ขาอีกข้างหาย นั้นคือการจัดสรรวัคซีน ให้ประชาชนอย่างเต็มที่ และการฟื้นฟูท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหากสถานการณ์เป็นแบบนี้ การท่องเที่ยวจะฟื้นตัวได้ปี 2565 จึงต้องหันมาดูเรื่องของการส่งออก แต่ก็ไม่ควรมองที่การส่งออกอย่างเดียว เพราะสิ่งที่จะมาก่อนการส่งออกคือ การจ้างงาน พร้อมชี้ว่ามาตรการของรัฐยังขาด แรงกระตุ้น การเหนี่ยวนำการลงทุน เช่นการสนับสนุน การดึงกำลังซื้อจากกลุ่มคนมีทุน ให้กล้าลงทุน ในสินค้าประเภทคงทน เช่น ในหมวด ยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์และอิเล็กทรอนิกส์ เฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น

นายจักรพล กล่าวถึงการสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว ที่ยังไม่มีการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในระดับชุมชน ขาดความร่วมมือเพื่อพลักดันการท่องเที่ยวในตลาดกลุ่มใหม่ รวมถึงการดึงคนที่มีศักยภาพ ในการใช้จ่าย เข้ามามากขึ้น ซึ่งทั้งหมดต้องพัฒนาคนควบคู่ไปพร้อมกับการพัฒนาคนให้มีทักษะความพร้อม ในทุกมิติ นำไทยกับไปเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวอีกครั้ง