โควิด-19 ทำหญิงท้องฝากครรภ์น้อยลง

โควิด-19 ทำหญิงท้องฝากครรภ์น้อยลง

กรมอนามัย เผยโควิด-19 ทำหญิงท้องฝากครรภ์น้อยลง - ดูแลสุขภาพก่อนคลอดไม่ครบเกณฑ์

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัยอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้หญิงตั้งครรภ์ไม่กล้าไปรับบริการฝากครรภ์ เพราะจากข้อมูลของ Health Data Center (HDC) กระทรวงสาธารณสุข ปี 2564 พบว่าร้อยละของหญิงตั้งครรภ์ได้รับบริการฝากครรภ์ครั้งแรกก่อน 12 สัปดาห์ มีอัตราลดลง โดยพบมีการฝากครรภ์   ช่วงไตรมาส 1 ร้อยละ 85.5  ไตรมาส 2 ร้อยละ 76.7 และเดือนเมษายน ลดลงเหลือร้อยละ 69.7 นอกจากนี้พบว่าร้อยละของหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับการดูแลสุขภาพก่อนคลอดครบ 5 ครั้งตามเกณฑ์ ลดลงจากร้อยละ 80.6 เหลือเพียงร้อยละ 53.4 เป็นผลให้หญิงตั้งครรภ์มีการฝากครรภ์ลดน้อยลงจากเกณฑ์ที่กำหนดไว้เช่นกัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการติดตามพัฒนาของทารกในครรภ์ในช่วงที่แม่ตั้งครรภ์ได้ โดยเฉพาะทารกในครรภ์ที่พบว่าแม่ติดเชื้อโควิด-19 ต้องเข้าถึงบริการฝากครรภ์เพื่อตรวจและเฝ้าระวังโรคอย่างต่อเนื่อง

“แม้ว่าขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนที่สามารถยืนยันได้ว่ามีการแพร่เชื้อโควิด-19 จากแม่สู่ลูกในครรภ์ แต่มีรายงานการติดเชื้อโควิด-19 ของทารกแรกเกิดร้อยละ 4 โดยคาดว่าเกิดจากการติดเชื้อในช่วงหลังคลอดจากการสัมผัสสารคัดหลั่งจากแม่ที่ติดเชื้อ และจากข้อมูลกรมอนามัยที่ได้ทำการสำรวจการติดเชื้อโควิด-19 ในหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอดภายใน 6 สัปดาห์ ในช่วงการระบาดระลอก 2 ตั้งแต่เดือนมกราคม - มีนาคม 2564 พบว่ามีหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโควิดจำนวน 60 ราย โดยร้อยละ 81.67 เป็นกลุ่มแรงงานต่างด้าว พบการติดเชื้อในขณะตั้งครรภ์ ร้อยละ 90 และติดเชื้อหลังคลอดร้อยละ 10 ซึ่งหญิงตั้งครรภ์ส่วนใหญ่ร้อยละ 56.67 ไม่มีอาการและจากการรายงานยังไม่พบว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโควิด-19 มีอาการรุนแรงถึงขั้นต้องใส่ท่อช่วยหายใจ  ในจำนวนนี้พบทารกแรกเกิดติดเชื้อเพียง 4 ราย และมีจำนวน 2 รายพบติดเชื้อตั้งแต่ 24 ชั่วโมงแรก บ่งบอกว่ามีการติดเชื้อตั้งแต่ในครรภ์และไม่มีอาการ” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว

ทางด้าน นายแพทย์เอกชัย เพียรศรีวัชรา ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมสุขภาพ และโฆษกกรมอนามัย กล่าวว่ากรณีหญิงตั้งครรภ์ที่เข้าข่ายสงสัยติดเชื้อหรือได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 สามารถให้นมลูกได้หรือไม่นั้น จากข้อมูลขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเชื้อโควิด-19 สามารถติดผ่านทางรกหรือทางน้ำนมได้ กรณีแม่เป็นผู้เข้าข่ายสงสัยติดเชื้อหรือได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 จึงสามารถให้นมลูกได้ โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) มีคำแนะนำว่า หากแม่ที่ติดเชื้อมีอาการไม่มากสามารถให้นมจากเต้าได้ก็ควรทำ แต่ต้องมีการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้ออย่างเคร่งครัด โดยก่อนให้นมลูกทุกครั้งควรเช็ดทำความสะอาดบริเวณเต้านมและหัวนมด้วยน้ำสบู่ และล้างมือด้วย  สบู่และน้ำอย่างน้อย 20 วินาที รวมทั้งสวมหน้ากากตลอดเวลาที่ให้นมบุตร ห้ามใช้มือสัมผัสบริเวณใบหน้า จมูกหรือปาก รวมถึงการหอมแก้มลูกด้วย แต่ในกรณีที่แม่ติดเชื้อมีอาการรุนแรง เช่น ไอมาก แต่ยังสามารถบีบเก็บน้ำนมได้ ควรให้พ่อหรือผู้ช่วย     เป็นผู้ป้อนนมแก่ลูกแทน ซึ่งการบีบน้ำนมอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้แม่ยังคงสภาพในการให้นมแก่ลูกได้เมื่อหายป่วยแล้ว ส่วนทารกที่เกิดจากแม่ที่ติดเชื้อโควิด-19 จัดเป็นผู้มีความเสี่ยงจะต้องมีการแยกตัวออกจากทารกอื่นและต้องสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน

ที่มา สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข