หุ้นเด้ง 7.84 จุด รับผลประชุมศบค.ไม่ล็อกดาวน์-เคอร์ฟิว

หุ้นเด้ง 7.84 จุด รับผลประชุมศบค.ไม่ล็อกดาวน์-เคอร์ฟิว

หุ้นไทยปรับขึ้น 7.84 จุด รับปัจจัยบวก ศบค.เคาะมาตรการคุมโควิด-19 ไม่ประกาศล็อกดาวน์-ไม่มีเคอร์ฟิว หนุนกลุ่มหุ้นอิงเศรษฐกิจในประเทศพุ่งท้ายตลาด ฝั่งนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1.5 พันล้าน โบรกฯ ชี้เทรนด์สัปดาห์หน้า "แกว่งขึ้น"

ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (16 เม.ย.) ปิดที่ 1,548.96 จุด ปรับขึ้น 7.84 จุด หรือปรับขึ้น 0.51% และมีมูลค่าการซื้อขาย 89,461.41 จุด โดยตลาดหุ้นภาคเช้าปรับลงทำจุดต่ำสุดที่ 1,529.29 จุด ก่อนจะปรับขึ้นทำจุดสูงสุดที่ 1,550.26 จุดในภาคบ่าย

ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายสิ้นวันตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 1,587.20 ล้านบาท นักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 223.97 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 200.48 ล้านบาท และกลุ่มนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1,610.69 ล้านบาท

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างวัน รวมถึงมีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic Play) เข้ามาในช่วงท้ายตลาด ตอบรับผลประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)

แม้ว่าจะขยายระยะเวลาควบคุมการแพร่ระบาดโรคออกไปอีก 14 วัน แต่คาดว่าผลกระทบจะค่อนข้างจำกัด เนื่องจากไม่ใช่มาตรการเคอร์ฟิวและไม่มีการประกาศล็อกดาวน์ รวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อวันนี้ชะลอลงจากวันก่อนๆ ของสัปดาห์ ส่งผลให้หุ้นกลุ่ม Domestic Play ที่ถูกขายต่อเนื่องตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ฟื้นตัวขึ้นมาปิดบวก

ขณะที่แนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (19-23 เม.ย.) คาดว่าจะแกว่งขึ้น (Sideway up) โดยมีแนวต้าน 1,580 จุด และแนวรับ 1,530 จุด โดยคาดว่าตลาดจะเริ่มฟื้นตัวจากความคลายกังวลจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 และความชัดเจนมาตรการควบคุมโรคระบาดของภาครัฐ

ส่วนปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ในประเทศติดตามการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2564 ของกลุ่มธนาคาร และสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ฝั่งต่างประเทศติดตามแนวโน้มตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังจากมีปัจจัยเสี่ยงใหม่จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับรัสเซีย รวมถึงข่าวการขึ้นภาษีนิติบุคคลของสหรัฐ ตัวเลขเศรษฐกิจ ฯลฯ

นอกจากนี้ แนะนำนักลงทุนเฝ้าระวังแรงขายหุ้นเพื่อเตรียมเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จะเสนอขายแก่นักลงทุนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ขนาดใหญ่ช่วงปลายเดือน เม.ย.นี้ โดยคาดว่าหุ้นในกลุ่มเดียวกันจะถูกขายปรับพอร์ตเพื่อโยกเงินไปจองซื้อหุ้น