อสังหาฯ วอนรัฐลดอุปสรรค 'แอลทีวี'

(ชมคลิปข่าวด้านล่าง)ภาคอสังหาฯ ชี้ตลาดที่อยู่อาศัยยังมีโอกาสโตจากปัจจัยดอกเบี้ยต่ำสุด มาตรการรัฐช่วยหนุน วอนรัฐลดอุปสรรคแอลทีวี ชี้ปีนี้เป็นปีทองผู้ซื้อรอบ 30 ปี สร้างแรงซื้อใหม่จากตลาดต่างประเทศ เพื่อกระตุ้นตลาดกว่า 8 แสนล้านบาท

ทิศทางและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ-ธุรกิจไทย ปี 2564 ที่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ แม้มีข่าวดีเรื่องวัคซีนในหลายประเทศ แต่คาดการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสให้ครอบคลุมทั่วโลก อาจต้องใช้เวลานานมากกว่า 2 ปี กลายเป็นปัจจัยใหญ่ ที่น่ากังวลสำหรับภาพรวมธุรกิจ 'อสังหาริมทรัพย์' ในช่วงปีนี้อย่างน่าจับตามอง

แม้วิกฤตโควิด - 19 จะเป็นตัวฉุดให้ 'ตลาดอสังหาริมทรัพย์' ชะลอตัวลง แต่ยังมีปัจจัยบวกได้แก่อัตราดอกเบี้ยต่ำ ที่ช่วยหนุนให้ตลาดฟื้นตัวเมื่อ กนง. ยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% ตามทิศทางของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟดซึ่งถือโอกาส เพราะดอกเบี้ยที่ต่ำจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อได้ รวมถึงมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ จากภาครัฐที่ลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนอง บ้าน-คอนโด ราคาไม่เกิน 3 ล้าน เหลือ 0.01%

นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย พรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ ระบุ แนวทางการแก้ไขเยียวยาธุรกิจอสังหาฯ ไม่สามารถทำแบบเดิมๆ ได้อีกต่อไป ควรต้องปรับการพัฒนาผังเมือง ทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัดใหม่ เพื่อกระจายความเจริญของเมือง ลดการกระจุกตัวของโครงการ การผ่อนคลายเกณฑ์แอลทีวีเพื่อเป็นการลดอุปสรรค และเอื้อให้เกิดการกระตุ้นตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด วรเดช รุกขพันธุ์ ระบุ มองว่าโอกาสเดียวในการฟื้นอสังหาฯ คือการสร้างแรงซื้อใหม่จากตลาดต่างประเทศ เพื่อกระตุ้นซึ่งมีมูลค่ากว่า 8 แสนล้านบาท อาทิ การอนุญาตให้ต่างชาติสามารถถือครองคอนโดได้เพิ่มขึ้นจากสัดส่วน 51% เป็น 70-80% ให้สัญญาเช่าระยะยาวเพิ่มขึ้น รวมถึงการให้สิทธิประโยชน์อื่นๆ เพิ่มเติมก็จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นภาคอสังหาฯได้ดี

ทั้งนี้มองว่าปีนี้ถือเป็นปีทองในรอบ 30 ปีของผู้ซื้อ ได้ราคาคุ้มค่า ดอกเบี้ยต่ำสุด เนื่องจากมีมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐต่างๆ ยืดระยะเวลาชำระได้นานขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องการให้รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการ LTV เพื่อปรับปรุงเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อ อำนวยความสะดวกแก่ผู้ซื้อซึ่งยังมีกำลังซื้ออยู่และสนใจอสังหาฯที่โครงสร้างพื้นฐานขยายไปตามเมืองรองมากขึ้น

ด้านประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แอสเซทไวส์ กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ระบุ อยากให้รัฐขยายมาตราการลดค่าธรรรมเนียมโอนและจดจำนอง ในระดับราคามากกว่า 3 ล้านบาท เพราะเป็นการช่วยทั้งผู้ประกอบการและกลุ่มผู้ซื้อบ้านมากขึ้น รวมทั้งปลอดล็อคมาตราการแอลทีวี เพื่อทำให้คนสามารถซื้อบ้านหลังที่สองได้ง่ายขึ้น

อย่างไรก็ดี ทิศทางภาวะเศรษฐกิจและตลาดที่อยู่อาศัยที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย จะกลับมาฟื้นตัวได้มากน้อยแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะจบช้าหรือเร็ว รวมถึงวัคซีนที่กระจายไปให้ทุกคนอย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นความหวังและเรื่องเร่งด่วนที่สำคัญที่สุดในขณะนี้