พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ เปิดข้อมูลที่มาร่วมหุ้น “เสี่ยอ๊อด มิยาบิ”

พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ เปิดข้อมูลที่มาร่วมหุ้น “เสี่ยอ๊อด มิยาบิ”

จุดเริ่มต้นลงทุนกับ “เสี่ยอ๊อด”เจ้าของ 3 เลานจ์หรู ทำเลทอง แต่การเป็นตำรวจได้จำกัดวง ลงหุ้นเฉพาะร้านอาหาร ไม่เกี่ยว ”คลับ-เลานจ์”

สถานการณ์โควิด รอบ 3 ที่ระบาดจากคลัสเตอร์สถานบันเทิง โดยเฉพาะคลับหรูย่านทองหล่อ มีประเด็นที่เกี่ยวกับ "เสี่ยอ๊อด มิยาบิ" ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทที่ประกอบกิจการ "คริสตัล เอ็กซคลูซีฟ คลับ" และ "เอเมอรัลด์ คลับ" เลานจ์หรูที่ว่ากันว่ามีรัฐมนตรีไปเที่ยวจนเสี่ยงติดโควิด แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีรัฐมนตรีคนใดออกมารับเหมือนกรณีทูตญี่ปุ่น

ประเด็นที่ทีมข่าวอาชญากรรม เนชั่นทีวีเปิดข้อมูลคือ "เสี่ยอ๊อด มิยาบิ" ที่เป็นเจ้าของเลานจ์หรู 2 แห่งนี้ ยังเป็นเจ้าของกิจการที่ชื่อว่า "มิยาบิ" ซึ่งเปิดเป็นร้านอาหารและบาร์ญี่ปุ่นด้วย เมื่อตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้นใน บริษัท กินซ่า เอ แอนด์ ที จำกัด ซึ่งแจ้งประกอบกิจการร้าน "มิยาบิ" ก็พบชื่อพ้องกับนายตำรวจระดับนายพลในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ชื่อที่ว่านี้คือ พันธนะ นุชนารถ

จากการตรวจสอบพบว่า น่าจะเป็นคนเดียวกับ พลตำรวจตรี พันธนะ นุชนารถ ปัจจุบันกับราชการอยู่ในสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ทีมข่าวอาชญากรรม ได้โทรศัพท์ไปขอสัมภาษณ์ พลตำรวจตรี พันธนะ นุชนารถ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เจ้าตัวยอมรับว่า จากประเด็นที่มีกระแสข่าวว่า มีชื่อเป็นหุ้นส่วนในร้านอาหารญี่ปุ่นที่มี "เสี่ยอ๊อด มิยาบิ" ร่วมหุ้นอยู่ด้วยนั้น ยืนยันว่ามีการร่วมหุ้นในร้านอาหารญี่ปุ่นจริง โดยตนและเสี่ยอ๊อด รู้จักกันตั้งแต่สมัยที่ "เสี่ยอ๊อด" เป็นเชฟในร้านอาหาร เมื่อ 13 ปีที่แล้ว นายอ๊อดต้องการที่จะเปิดร้านอาหารญี่ปุ่น จึงได้หาผู้ร่วมทุนในการเปิดร้าน ซึ่งตนเองก็สนิทสนมกับนายอ๊อด จึงตัดสินใจร่วมหุ้นทำร้านอาหารญี่ปุ่นที่ชื่อว่า "ทานาโกะ" ซึ่งเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นร้านแรกที่ตนได้เข้าร่วมหุ้นเปิดกับนายอ๊อด โดยขณะนั้นดำรงตำแหน่งสารวัตร

161855581648

จากนั้นเมื่อร้านอาหารที่ตนทำกับนายอ๊อดดำเนินกิจการไปได้ด้วยดี นายอ๊อดจึงตัดสินใจเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อ "มิยาบิ" ขึ้นมา และตนก็ร่วมลงทุนด้วย แต่พอนายอ๊อดได้ไปเปิดธุรกิจเกี่ยวกับสถานบันเทิงและเลานจ์ ตนไม่ได้ไปร่วมหุ้นด้วย เพราะตนเป็นตำรวจ ขอยืนยันว่า ตนมีชื่อร่วมหุ้นแค่ในส่วนของร้านอาหารญี่ปุ่นทั้งสองร้าน แต่ไม่มีชื่อร่วมหุ้นในสถานบันเทิงต่างๆ ที่นายอ๊อดได้ไปเปิด และสามารถตรวจสอบประวัติการลงทุนที่ตนเคยทำทั้งหมดได้ เพราะทุกอย่างมีหลักฐานยืนยันชัดเจน และได้รายงานผู้บังคับบัญชาให้ทราบตลอด

นี่คือคำยืนยันอย่างหนักแน่นของ พลตำรวจตรี พันธนะ ซึ่งยอมให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวข้นคนข่าว ทางโทรศัพท์ แต่ขออนุญาตไม่โฟนอินหรือให้สัมภาษณ์แบบเปิดหน้า โดยให้เหตุผลว่า "ไม่สะดวก"

เป็นที่น่าสังเกตว่า บริษัท 3 แห่ง มีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกัน คือมี นายเกียรติพงษ์ คำต่าย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะหมายถึง "เสี่ยอ๊อด" เป็นเจ้าของ ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ประกอบด้วย

1. บริษัท คริสตัล เคแอนด์เค จำกัด แจ้งว่า นายเดชา พิลาลี เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ

2. บริษัท เอมเมอรัลด์ กรุ๊ป จำกัด แจ้งว่า นายเกียรติพงษ์ คำต่าย เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ

โดยทั้งสองบริษัทนี้ แจ้งที่อยู่เดียว คือ 1298 ซอยอุดมสุข ถนนสุทธิสารวินิจฉัย เขตห้วยขวาง กทม. แต่แจ้งเบอร์โทรศัพท์ติดต่อคนละเบอร์

และ 3. บริษัท กินซ่า เอ แอนด์ ที จำกัด แจ้งว่า นายเกียรติพงษ์ คำต่าย เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ แจ้งที่อยู่ 9 กับ 11 ซอยแสงเงิน ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.

161855587659

นี่คือความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน และที่ตั้งของสถานบริการ ร้านอาหาร และบาร์ ทั้ง 3 แห่ง อยู่ในย่านทองหล่อเหมือนกัน โดยเฉพาะ คริสตัล เอ็กซคลูซีฟ คลับ อยู่ตรงข้ามกับ "มิยาบิ" ทั้งร้านอาหาร บาร์ และเลานจ์หรู แต่ละแห่งมีพื้นที่กว้างขวาง อยู่ในย่านทำเลทอง เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายในหรูระดับไฮเอนด์ สาวๆ ที่คอยให้บริการก็โฆษณาว่ามีรายได้วันละเป็นหมื่น รายได้ต่อเดือนหลักแสนหรือหลักล้าน และมีบุคคลระดับ VVIP ไปเที่ยว มีเจ้าหน้าที่รัฐคอยบริหาร ประสานงาน และอำนวยความสะดวก

ที่สำคัญ 2 ใน 3 แห่งนี้ ชัดเจนแล้วว่าไม่มีใบอนุญาตสถานบริการ แต่เปิดได้สะดวกสบาย ตั้งอยู่ใกล้โรงเรียน และโรงพยาบาล แถมไม่ห่างจาก สน.ทองหล่อ ด้วย

เป็นไปได้หรือไม่ที่ "อดีตเชฟ" ตามคำบอกเล่าของ พลตำรวจตรี พันธนะ จะเปิดคลับ บาร์ เลานจ์หรูขนาดนี้ด้วยการลงทุนรวมหุ้นกับเพื่อนๆ คนละไม่กี่แสน น่าคิดว่าค่าเช่าสถานที่เดือนละเท่าไหร่ ตกแต่งภายในอีกเท่าไหร่ ยังไม่รวมค่าตอบแทนสาวๆ ที่คอยให้บริการ ทั้งหมดคือปริศนาที่ต้องร่วมกันคลี่คลายต่อไป