5 ประเด็นร้อนรัฐบาล การเมืองหนัก กระอักโควิด

 5 ประเด็นร้อนรัฐบาล  การเมืองหนัก กระอักโควิด

โควิดระบาดหนักขนาดนี้ ต้องมีเสียงก่นด่ารัฐบาลหนักแน่ แต่ที่ยังไม่เซ็งแซ่ไม่กดดันหนัก เชื่อได้เลยว่าเมื่อวันเปิดทำงานมาถึง รัฐบาลต้องโดนรุมถล่ม

แน่นอนว่าโควิดระบาดหนักขนาดนี้ ต้องมีเสียงก่นด่ารัฐบาลหนักแน่ แต่ที่ยังไม่เซ็งแซ่ไม่กดดันหนัก เพราะติดช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ แต่เชื่อได้เลยว่าเมื่อวันเปิดทำงานมาถึง รัฐบาลต้องโดนรุมถล่มโดยมีประเด็นที่รัฐบาลต้องตอบให้ชัดเจนอย่างน้อย 4-5 ประเด็น กล่าวคือ

หนึ่ง โควิดระบาดหนัก รอบ 3 จะรับผิดชอบอย่างไร จะประกาศมาตรการ “ไม้แข็ง” เพิ่มแค่ไหน ถึงขั้นเคอร์ฟิว - ล็อกดาวน์อีกหรือไม่ ใครต้องแสดงความรับผิดชอบจากการระบาดคลัสเตอร์ใหม่ เพราะต้องไม่ลืมว่ามีแหล่งข่าวหลายแหล่งยืนยันตรงกันว่า มีรัฐมนตรีแอบไปเที่ยว แถมยังมีพฤติกรรมเสี่ยงโควิดด้วย

กรณีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ติดโควิด แต่สังคมยังตั้งคำถามเรืองไทม์ไลน์ แต่รัฐมนตรีสาธารณสุขที่ชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยที่นายศักดิ์สยามเป็นเลขาธิการพรรคด้วย ไม่ได้แสดงท่าทีขึงขัง ตรวจสอบไล่หาไทม์ไลน์ละเอียดเหมือนกรณีอื่น เช่น ดีเจมะตูม คำถามคือ นายกฯจะจัดการอย่างไรหรือไม่ หรือปล่อยเลยตามเลย เชื่อไทม์ไลน์ของนายศักดิ์สยามแบบไร้ข้อสงสัยเหมือน “บิ๊กป้อม”

สอง วัคซีนได้มาน้อย ฉีดน้อย และไม่มีความหลากหลายของยี่ห้อ ทำให้ประชาชนไม่มั่นใจ รัฐมนตรีฉีดแล้วยังติดโควิด จะทำอย่างไร

สาม วัคซีนที่ไทยสั่งจอง และได้สิทธิ์ในการร่วมผลิตและจำหน่ายอย่างแอสตราเซเนก้า สรุปแล้วผลิตทันกำหนดตามที่เคยประกาศ คือเดือนมิถุนายนหรือไม่ เร็วกว่านั้นได้หรือไม่ เพราะตอนนี้สถานการณ์น่าเป็นห่วงอย่างมาก เรื่องเหล่านี้ต้องชี้แจงอย่างโปร่งใส มิฉะนั้นจะเข้าทางพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า ที่เดินหน้าขย่มเรื่องวัควีนมาตลอด

สี่ เรื่องการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐจะเอาอย่างไร จะเปลี่ยนเลขาธิการพรรคเหมือนเปลี่ยนม้ากลางศึกหรือไม่ จะกระทบกับเสถียรภาพของรัฐบาลแค่ไหน

ห้า ประเด็นนี้โยงกับข้อ 4 คือ รัฐบาลจะมีท่าทีอย่างไรต่อร่าง พ.ร.บ.ประชามติ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีเสียงเรียกร้องจากทุกฝ่าย หากเดินเกมผิด ตัวเองก็เสียเปรียบ แต่ถ้าเล่นเกมมากไป ก็จะถูกโห่ไล่จากผู้ชม

นี่คือ 5 ประเด็นแหลมคม เหมือนหอกที่จะพุ่งเข้าเสียบยอดอกรัฐบาลหลังสงกรานต์ คำถามคือรัฐบาลจะเอาอย่างไร

สถานการณ์ ณ ขณะนี้ แม้แต่ นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ซึ่งสนับสนุนรัฐบาลในหลายๆ เรื่อง ยังโพสต์เฟสบุ๊กตำหนิรัฐบาล ว่าบริหารจัดการสั่งซื้อวัคซีนโควิดผิดพลาด ไทยได้วัคซีนมาช้าเกินไป และเมื่อได้วัคซีนมาแล้ว ยังมีประเด็นเรื่องการบริหารจัดการให้ดีอีกหลายประเด็นที่รัฐบาลต้องทำ

สำคัญที่สุดคือความรวดเร็วในการฉีดและกระจายวัคซีน เพราะเราได้วัคซีนช้า จึงต้องฉีดให้เร็วที่สุด ปัจจุบันฉีดได้วันละ 1 หมื่นโดส ต้องเตรียมการให้ฉีดให้ได้อย่างน้อยวันละ 3 แสนโดส โดยเฉพาะช่วงที่จะได้วัคซีนจากแอสตราเซเนก้า รวมถึงต้องสั่งซื้อวัคซีนยี่ห้ออื่นเพิ่ม พร้อมประสานแอสตร้า เซนเนก้า ให้ส่งวัคซีนเร็วขึ้นได้หรือไม่ นี่ต้องเรียกว่า “คนกันเอง” ยังตำหนิ ยังไม่นับรวมปัญหาการเมืองอื่นๆ

มีความเห็นอีกด้านหนึ่ง คือ อาจารย์ยุทธพร อิสรชัย นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ที่มองว่า เรื่องการติดโควิดของรัฐมนตรีจะส่งผลต่อรัฐบาลในระยะสั้นเท่านั้น แต่จะไม่กระทบแรงถึงขั้นทำให้รัฐบาลไปต่อไม่ได้

ส่วนแผนการกระจายวัคซีนที่มีปัญหา ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีการพูดถึงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมาไปแล้ว รวมไปถึงการอภิปรายนอกสภาของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า รวมไปถึงมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทางสังคมตลอดมา ตนจึงมองว่าจะไม่ถึงขั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับรัฐบาลได้ และนายกรัฐมนตรีก็พยายามลดกระแส เช่น เปิดให้มีวัคซีนทางเลือก และตั้งคณะกรรมการเพื่อแสวงหาวัคซีนทางเลือก โดยไม่มีฝ่ายการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงเชื่อว่ารัฐบาลน่าจะเอาตัวรอดได้ในกรณีนี้