เปิดข้อเรียกร้องคนไทยถึงรัฐบาล ปลุกเชื่อมั่นฉีดวัคซีน อัดฉีดเงินในกระเป๋าเพิ่ม

เปิดข้อเรียกร้องคนไทยถึงรัฐบาล  ปลุกเชื่อมั่นฉีดวัคซีน อัดฉีดเงินในกระเป๋าเพิ่ม

รัฐต้องเร่งฟื้นความเชื่อมั่นวัคซีน เหตุเป็นความกังวลใหญ่สำหรับคนไทย พร้อมการตลอดนโยบายแก้ปัญหาปากท้อง หลังโควิด-19 ทำเศรษฐกิจ ธุรกิจพัง ตกงานมหาศาล ต้องดึงเงินในอนาคตมาใช้จ่าย

นางสาวอุษณา จันทร์กล่ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิปซอสส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากงานวิจัยหัวข้อ “วิถีชีวิตท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดใหญ่ ความคิดเห็น และพฤติกรรมของประชากรทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” พบว่าคนไทยมีความวิตกกังวลสูงสุดในภูมิภาคที่ระดับ 80% มากกว่าค่าเฉลี่ยอาเซียนอยู่ที่ 70% ส่วนด้านรายได้ของประกรอาเซียน 70% ที่ลดลง ขณะทีไทยสูงกว่าค่าเฉลี่ยเพราะประชาชน 80% รายได้ลดลง เช่นเดียวกับด้านเงินออมที่ 80% ลดลง มากกว่าค่าเฉลี่ย 70%

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ปากท้องที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากโควิดระลอกแรกจนถึงระลอกใหม่ ทำให้แนวโน้มการฟื้นตัวของการจับจ่ายใช้สอยจะใช้เวลานานขึ้นอีก 1 ปี จากเดิมคาดการณ์ว่าปีนี้จะเริ่มเห็นการกลับมาของอำนาจซื้อผู้บริโภค

สำหรับปัจจัยที่มีความสำคัญสุดที่จะกระตุ้นการใช้จ่ายอีกครั้ง คือรัฐบาลต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน โดยเฉพาะการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงการฉีดวัคซีนให้ประชาชนทั้งปริมาณวัคซีนที่เพียงพอ วัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ไม่มีผลข้างเคียงกระทบความปลอดภัยในชีวิต

“การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จากที่อู่ฮั่น ผลกระทบขยายเป็นวิกฤติระดับภูมภาคเอเชีย และกลายเป็นวิกฤติระดับโลก ส่งผลให้ความเชื่อมั่นประชากรลดลง เพราะมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้คนไม่มีงานทำ แม้รัฐจะพยายามออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ คุมสถานการณ์ได้ ใจผู้บริโภคเริ่มมา กลับมาการระบาดระลอกใหม่ ทำให้ความเชื่อมั่นของคนไทยย่่ำแย่สุดในอาเซียน เพราะรายได้ยังไม่กลับเข้ากระเป๋า เงินเก็บลดลงทุกที ทำให้สถานการณ์ยิ่งไปกันใหญ่”

 

ทั้งนี้ แนวทางการฟื้นความเชื่อมั่นให้กับประชาชน รัฐบาลจะต้องมีการสื่อสารที่ชัดเจนและต่อเนื่อง มีความโปร่งใสเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน ทั้งปริมาณที่เพียงพอต่คนทั้งประเทศ ประสิทธิภาพของวัคซีน เพราะที่ผ่านมามีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน บุคคลชนชั้นนำ แต่กลับติดไวรัสได้ และเป็นสายพันธุ์อังกฤษ จึงต้องจัดการปัญหาเหล่านี้

ขณะที่ภาคธุรกิจ การปรับตัวเพื่ออยู่รอดท่ามกลางวิกฤติต้องทำต่อเนื่อง ทั้งขยายช่องทางจำหน่ายสู่ออนไลน์ มองสินค้าที่เป็นโอกาสยังอยู่ในหมวดสินค้าจำเป็นหรือ FMCG ส่วนสินค้าขนาดใหญ่จะฟื้นตัวช้า ที่น่าจับตาคือผู้บริโภคเงินลดลง สินค้าแบบซองหรือซาเช่ อาจเป็นที่ต้องการมากขึ้น รวมถึงร้านสะดวกซื้อจะทำเงิน เพราะผู้บริโภคจะเข้าไปซื้อสินค้าที่จำเป็นชิ้นเล็ก มากกว่าไปห้างค้าปลีกใหญ่ ซื้อสินค้ามากๆ เพื่อลดความเสี่ยงโรคและการใช้จ่าย

นายอิษณาติ วุฒิธนากุล ผู้บริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัท อิปซอสส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการมากสุดในเวลานี้คือรัฐต้องสร้างความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีนที่แม้จะเดินหน้าฉีดให้ประชาชนแล้ว แต่หากเลือกได้ราว 80% ต้องการรอ 1 ปี เพื่อดูผลกระทบก่อนฉีด อีกเรื่องคือปัญหาปากท้องที่กระทบหนัก จึงต้องการให้รัฐช่วยเหลือด้านการเงิน โดยเฉพาะเพิ่มเงินสดในกระเป๋า 

“การงาน แม้จะเป็นสิ่งจำเป็น แต่กระบวนการหางานต้องใช้เวลาเป็นเดือน หากไม่เติมเงินจะเผชิญเรื่องปากท้องหนักขึ้น”