เมเจอร์ฯ ระดมนับร้อยโปรโมชั่น ปลุกคอหนัง ฟื้นยอดขายตั๋วแตะ 25.6 ล้านใบ

เมเจอร์ฯ ระดมนับร้อยโปรโมชั่น  ปลุกคอหนัง ฟื้นยอดขายตั๋วแตะ 25.6 ล้านใบ

แม้ยากจะคาดการณ์ "โควิด-19" จะระบาดมาราธอนแค่ไหน แต่สิ่งที่ธุรกิจต้องทำคือการ ฮึดสู้! กับทุกสถานการณ์ "เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์" ที่จัดแคมเปญตลาดมากมายเป็นทุนเดิม ปีนี้อาวุธ Promotion ไม่ลดละ แต่เข้มข้นต่อ เพื่อปั๊มยอดขายตั๋วหนังแตะ 25.6 ล้านใบ ไหวไหม!

นายนรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากความสำเร็จของภาพยนตร์ก๊อดซิลล่าปะทะคอง ที่ทำให้รายได้ถล่มทลายผ่านโรงาพยนตร์เครือเมเจอร์ฯกว่า 300 ล้านบาท และคาดว่าจะทะลุ 400 ล้านบาท กระทั่งหนังลาโรง ส่งผลให้บริษัทมองแนวโน้มอุตสาหกรรมภาพยนตร์ปี 2564 จะกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้น

ทั้งนี้ แม้สถานการณ์โรคโควิด-19 จะระบาดเป็นระลอกๆ ทำให้บริษัทต้องมอนิเตอร์ติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับแผนการทำงานแบบวันต่อวัน รวมถึงยกระดับในการป้องกันไวรัสให้เข้มข้นขึ้น ทั้งการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคหรือบิ๊กคลีนนิ่งทุกวันหลังให้บริการ การเว้นระยะห่างของที่นั่ง 2 ที่เว้น 2 ที่ จากเดิมเว้น 1 ที่ และทำให้ลดอัตราที่นั่งเหลือ 50% จากเดิม 70%

นอกจากนี้ เพื่อกระตุ้นให้คอหนังยังมาชมภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง ยังจัดแคมเปญการตลาด และโปรโมชั่นจำนวนมากทั้งช่วงเทศกาลต่างๆ ตลอดจนการร่วมมือกับพันธมิตรขยายฐานลูกค้าให้เข้ามาดูหนังมากขึ้น ซึ่งเฉลี่ยทั้งปีมีมากกว่า 100 กิจกรรม เช่น แคมเปญ“ THE BIGGEST SUMMER MOVIE” ชวนดูหนังคลายร้อน ชวนซื้อตั๋วหนังผ่าน “แอพดอลฟิน” ตอบรับสังคมไร้เงินสด กับโปรสุดฟิน ตั๋วหนังทุกเรื่อง ทุกรอบ ราคาสุดพิเศษเพียง 19 บาท เป็นต้น

อีกกลยุทธ์คือการผลักดันหนังไทยเข้าสู่ตลาด เอาใจคอหนังในประเทศหรือโลคัล ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ให้เติบโต ซึ่งเมเจอร์ฯ มีการผนึกพันธมิตรเพื่อสร้างหนังไทยเองตอบโจทย์คนดู ตั้งเป้าหมายให้มีหนังไทยฉายเฉลี่ย 1 เรื่องต่อสัปดาห์หรือกว่า 50 เรื่องต่อปี โดยเป้าหมายต้องการให้หนังไทยมีสัดส่วน 50% แต่ปีนี้คาดว่ายังไม่ถึง

ส่วนหนังฮอลลีวู้ดปีนี้ ค่ายหนังระดับโลกส่งหนังฟอร์มยักษ์เข้าฉายตามเดิม ยังไม่มีการเลื่อน จึงคาดว่าจะเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นตลาดให้เติบโต ซึ่งตามโปรแกรม Fast and furious 9 : เร็ว..แรงทะลุนรก เข้าฉายเดือนพ.ค., Cruella : ครูเอลล่า ฉายเดือนมิ.ย., Black Widow ฉาย ก.ค. และJames Bond 007 No Time To Die : พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ เข้าฉายก.ย.นี้ เป็นต้น จะดึงคอหนังได้อย่างดี

“เชื่อว่าหนังดียังมีคนดู เห็นได้จากก๊อดซิลล่าปะทะคองทำเงินทะลุเป้าหมายที่เราคาดว่าจะได้ 100 ล้านบาท แต่จนถึงลาโรงคาดว่าจะทำเงินที่เมเจอร์ฯ ทะละ 400 ล้านบาท ขณะที่เดือนเม.ย.เรามีหนังไทยจะเข้าฉาย 7 เรื่อง มีหนังฮอลลีวู้ดฟอร์มยักษ์เสริมทัพด้วย”

อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มการฟื้นตัวของธุรกิจ คาดว่าปี 2564 บริษัทจะสร้างยอดขายตั๋วแตะ 25.6 ล้านใบ เทียบกับปี 2562 ไม่มีโควิดระบาดขายตั๋วได้ 33 ล้านใบ

ส่วนแผนการขยายสาขาในปีนี้จะลงทุนขยายสาขาตามแผนเดิมที่วางไว้ รวมไม่ต่ำกว่า 20-25 โรง ใช้งบลงทุนเฉลี่ย 3 ล้านบาทต่อโรง เน้นทำเลในต่างจังหวัด 8 สาขา 24 โรง และในต่างประเทศ อย่างกัมพูชา อีก 2 สาขา 6 โรง ขณะที่สิ้นปี2563 เมเจอร์มีโรงภาพยนตร์เปิดให้บริการรวมทั้งสิ้น 172 สาขา 817 โรง 185,874 ที่นั่ง แยกเป็น 1.สาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 47 สาขา 357 โรง 81,388 ที่นั่ง 2.สาขาในต่างจังหวัด 117 สาขา 421 โรง 96,037 ที่นั่ง และ3.สาขาในต่างประเทศ 8 สาขา 39 โรง 8,449 ที่นั่ง