‘แอฟริกาใต้’ พับแผนฉีดวัคซีน ‘J&J’ ขอคืนเงินมัดจำไม่ได้

‘แอฟริกาใต้’ พับแผนฉีดวัคซีน ‘J&J’ ขอคืนเงินมัดจำไม่ได้

"แอฟริกาใต้" เรียกขอคืนเงินมัดจำจาก "จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน" หลังประกาศยกเลิกฉีดวัคซีนโควิดตามสหรัฐ เหตุเสี่ยงลิ่มเลือดอุดตัน

นายซเวลี ไมซ์ รัฐมนตรีสาธารณสุขแอฟริกาใต้ กล่าวต่อที่ประชุมรัฐสภาในวันนี้ว่า รัฐบาลแอฟริกาใต้ไม่อาจเรียกเก็บเงินมัดจำวัคซีนโควิด-19 ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (เจ แอนด์ เจ) ที่ได้ทำข้อตกลงซื้อขายระหว่างรัฐบาลแอฟริกาใต้กับเจ แอนด์ เจไปก่อนหน้านี้ โดยได้จ่ายเงินล่วงหน้าไป 10 ดอลลาร์ต่อโดส

การเรียกคืนเงินมัดจำเกิดขึ้น หลังจากที่รัฐบาลสั่งระงับการใช้วัคซีนของเจแอนด์เจ โดยอ้างตามคำแนะนำของหน่วยงานสาธารณสุขสหรัฐ เพราะผู้ฉีดบางรายเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

นายไมซ์ กล่าวว่า ขณะที่แอฟริกาใต้สามารถเรียกเงินคืนเต็มจำนวนจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเป็นการซื้อขายผ่านข้อตกลงซื้อผ่านสหภาพแอฟริกา

มีรายงานว่า การเปิดตัวการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าในแอฟริกาใต้ได้ยุติลงระหว่างการทดลองวัคซีนโควิด-19 เนื่องจากเห็นว่า วัคซีนชนิดนี้ปกป้องไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ สายพันธุ์แอฟกาใต้ได้เพียงเล็กน้อย

"อย่างน้อยที่สุด รัฐบาลก็สบายใจที่ได้เงินคืนจากแอสตร้าเซนเนก้า จะได้ไม่ถูกมองว่านำเงินประเทศไปใช้สูญเปล่า" รมว.สาธารณสุขแอฟริกาใต้กล่าว

รัฐมนตรีสาธารณสุขแอฟริกาใต้กล่าวอีกว่า ราคาวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า อยู่ที่ 5.35 ดอลลาร์ต่อโดส ตามข้อตกลงซื้อวัคซีน 1 ล้านโดส ทางรัฐบาลแอฟริกาใต้ได้จ่ายเงินทั้งหมด 5,250,000 ดอลลาร์ โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สถาบันเซรุ่มของอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าได้คืนเงิน 2.675 ล้านดอลลาร์ ของวัคซีนจำนวน 5 แสนโดสที่ไม่ได้ส่งมอบได้