สุดารัตน์ จวก "นายกฯ" หยุดโทษประชาชน ทำโควิด-19 ลาม จี้ทบทวนตัวเอง

สุดารัตน์ จวก "นายกฯ" หยุดโทษประชาชน ทำโควิด-19 ลาม จี้ทบทวนตัวเอง

แกนนำพรรคไทยสร้างไทย เสนอไอเดียแก้ปัญหาระบาดโควิด-19 เร่งฉีดวัคซีน-นำเข้าเพิ่ม จี้ "นายกฯ" ทบทวนการทำงาน หยุดโทษประชาชน

        คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ สมาชิกพรรคไทยสร้างไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คแฟนเพจ  เพื่อส่งความเห็นไปยังรัฐบาลให้เร่งดำเนินการอย่างจริงจังต่อการแก้ไขสถานการณ์ระบาดไวรัสโควิด-19  

        1. เร่งเจรจาจัดหาซื้อวัคซีนจากผู้ผลิตเจ้าอื่นๆเพิ่มเติมอีก 40ล้านโดส เพื่อให้เพียงพอต่อการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เราต้องฉีดให้ประชาชนอย่างน้อย 50 ล้านคน และให้จัดซื้อจากผู้ผลิตหลากหลาย เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกมากกว่า 2 เจ้า ที่รัฐบาลสั่งซื้อไปแล้ว และมีปัญหาทั้งเรื่องประสิทธิภาพและผลข้างเคียงทั้ง 2 บริษัท

        2. เร่งวางแผนการฉีดให้ประชาชนให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่าในปัจจุบัน เนื่องจากประเทศไทยมีอัตราการฉีดต่อวันจำนวนน้อย กล่าวคือ ไทยด้วัคซีนล๊อตแรก ตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์ จำนวน 945,000 โดส และจนถึงปัจจุบัน ผ่านไปกว่า  40 วัน ฉีดวัคซีนได้เพียง 300,000 โดส หรือแค่ 1 ใน 3 ของวัคซีน  เฉลี่ยฉีดได้เพียง 7,500 โดสต่อวัน จากเดิมที่รัฐบาลระบุว่าจะฉีดให้ได้ 20,000 โดสต่อวัน 

         "ถ้ารัฐบาลฉีดได้ 20,000 โดสต่อวัน เราต้องใช้เวลาถึง 3,150 วัน กว่าจะฉีดได้ครบ 63 ล้านโดสที่สั่งไปแล้ว ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งวางแผนการฉีด และกระจายวัคซีนให้มีประสิทธิภาพมากกว่าในปัจจุบัน นอกจากนี้ดิฉ้นเคยเสนอตั้งแต่มีนาคมปีที่แล้ว ในการจัดการ Endgame COVID. ด้วยการปูพรมตรวจเชิงรุก ให้คนเข้าถึงการตรวจได้ง่ายและฟรี แต่รัฐบาลไม่ทำ ขณะที่การระบาดรอบใหม่ ต้องทำเชิงรุกให้มากขึ้น เพราะเชื้อแพร่เร็ว ติดง่าย" คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุ

 

        แกนนำพรรคไทยสร้างไทยระบุด้วยว่า เสนอให้รัฐบาลเช่าโรงแรม เพื่อจัดเป็นสถานที่พักดูอาการของผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ และให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าไปจัดการบริหาร อย่างไรก็ดีการระบาดที่เกิดขึ้นไม่ใช่รอบแรก และรัฐบาลมีเวลาเตรียมตัว 1 ปี  มีงบประมาณ แต่พบปัญหาของการบริหารจัดการ  ดังนั้นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ต้องหยุดโทษประชาชน และทบทวนการทำงานของตนเอง ทั้งนี้คนไทยอดทนมาตลอด และจะให้อดทนไปนานแค่ไหน 

       "ที่ประเทศไทย ผู้นำของเราเข้าใจปัญหา และเห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดหาวัคซีนให้กับคนไทย หรือไม่ รวมทั้งได้พยายาม และเอาจริงเอาจังกับการจัดหาวัคซีน ให้ได้เร็ว และมากพอหรือไม่ ในฐานะที่เคยรับผิดชอบบริหารจัดการโรคอุบัติใหม่อย่าง’ซาร์ส’และ’หวัดนก’ ดิฉันจึงมีข้อห่วงใยต่อการรับมือกับปัญหาCOVID ของรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นในเรื่องของการจัดหาวัคซีน ที่ช้า ไม่เพียงพอ และมีตัวเลือกเพียง2ชนิดดิฉันเห็นว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลไทยต้องปรับแผนการจัดการวัคซีนใหม่ ต้องเร่งฉีดให้กับคนไทยอย่างน้อย 70% หรือ 50 ล้านคนให้จบภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ และสามารถเปิดประเทศ เปิดการค้าขายได้ในสิ้นปีนี้ให้ทันกับประเทศอื่นๆที่เขามีแผนงานการฉีดวัคซีน และกำหนดการเปิดประเทศที่ชัดเจนกันแล้ว"คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุ.