ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น 48 เซนต์รับข้อมูลศก.จีนแกร่ง

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนพ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์เพิ่มขึ้น 48 เซ็นต์ ปิดที่ 60.18 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 39 เซ็นต์ ปิดที่ 63.67 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำนักงานศุลกากรจีน (จีเอซี) รายงานในวันนี้ว่า ยอดส่งออกในไตรมาส 1/2564 พุ่งขึ้น 38.7% แตะที่ 4.61 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 7.04 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 19.3% แตะที่ 3.86 ล้านล้านหยวน ซึ่งส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าพุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 690.6% แตะที่ 7.5929 แสนล้านหยวน

ส่วนในเดือนมี.ค.เพียงเดือนเดียวนั้น ยอดส่งออกของจีนเพิ่มขึ้น 30.6% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ยอดนำเข้าพุ่งขึ้น 38.1% ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าในเดือนมี.ค.อยู่ที่ 1.38 หมื่นล้านดอลลาร์

เศรษฐกิจจีนได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ทั่วโลก รวมทั้งความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนในหลายประเทศ นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่รัฐบาลจีนประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ทั้งนี้ การที่เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวจะเป็นผลดีต่อตลาดน้ำมัน เพราะจีนเป็นประเทศที่บริโภคน้ำมันมากเป็นอันดับต้นของโลก

ด้านกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือโอเปก ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปี 2564 โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 100,000 บาร์เรล/วันจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้

โอเปกระบุในรายงานประจำเดือนเม.ย. ซึ่งเผยแพร่ในวันนี้ว่า โอเปกคาดว่าการใช้ผลิตภัณฑ์พลังงานจะดีดตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ หลังจากที่หลายประเทศเริ่มกลับมาเปิดเศรษฐกิจจากการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงต้นปี

โอเปกคาดการณ์ว่าความต้องการน้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นประมาณ 6 ล้านบาร์เรล/วัน เป็น 96.5 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ โดยให้เหตุผลถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นจากอานิสงส์ของมาตรการเยียวยามูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของสหรัฐ และการเดินหน้าฉีดวัคซีน

นอกจากนี้ โอเปกยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกเป็น 5.4% จากเดิมคาดการณ์ไว้ที่ 5.1%