แก้โควิดระลอก 3 การแพทย์นำการเมือง

แก้โควิดระลอก 3 การแพทย์นำการเมือง

ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่การแพร่ระบาดระลอก 3 อย่างเต็มตัว ซึ่งรุนแรงเกินกว่าจะให้ทีมแพทย์ผู้รับผิดชอบแอบอิงกับฝ่ายการเมืองจนเกินเหตุ ขณะที่ผู้นำประเทศต้องทำงานเด็ดขาด อย่าถึงขั้นต้องรวบรวมความกล้าที่ปรับเปลี่ยนผู้นำวงประชุมโควิดใหม่

ข้อมูลองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ระบุความคืบหน้าการนำส่งวัคซีนโควิด-19 ล่าสุดมีจำนวนกว่า 780 ล้านโดส ได้กระจายไปทั่วโลก ความไม่ต่อเนื่องของมาตรการด้านสาธารณสุขเป็นสาเหตุทำให้มีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้น ดับเบิลยูเอชโอยังขอความร่วมมือในการรับมือกับการระบาด โดยให้ทุกประเทศเห็นความสำคัญของการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้มาตรการด้านการสาธารณสุขอย่างเข้มข้น

แม้ดับเบิลยูเอชโอจะไม่ระบุชัดว่านโยบายสาธารณสุขครอบคลุมถึงการทำงานฝ่ายการแพทย์มากกว่าฝ่ายการเมือง แต่สำหรับประเทศไทยซึ่งเข้าสู่การแพร่ระบาดระลอก 3 อย่างเต็มตัว นอกเหนือจากคำนึงถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจแล้ว การกำหนดนโยบายและวิธีการทำงานต้องให้นักสาธารณสุขนำนักการเมือง เพราะหากย้อนกลับไปดูความล้มเหลวที่ผ่านมา โดยเฉพาะการกระจายวัคซีนที่อัตราการฉีดยังไม่เกิน 1.0% เพราะมีการแทรกแซงให้พวกพ้อง ไม่เป็นไปตามแผนของเจ้าหน้าที่ ยิ่งต้องกันฝ่ายการเมืองออกไป

เป็นที่น่าสังเกตว่าความเคลื่อนไหวด่าทอฝ่ายตรงข้ามของผู้บริหารระดับแกนนำกระทรวงสาธารณสุข ที่ดาหน้าออกมาตอบโต้ นพ.ธีระ วรธนารัตน์ จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ติดต่อกันหลายวัน ทั้งๆ ที่หลายเดือนที่ผ่านมา นพ.ธีระวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของคณะทำงาน สธ.ในเชิงลบมาตลอด ทว่าครั้งนี้ภายหลังมีการโพสต์เฟซบุ๊คประเด็นให้รัฐบาลรื้อวงประชุมฝ่ายนโยบายแก้ปัญหาโควิด กลับสร้างความตื่นตัวให้ข้าราชการ สธ.ที่ใกล้ชิดฝ่ายการเมืองเป็นพิเศษ จึงมีการรุมสหบาทา นพ.ธีระ มากเป็นพิเศษ

การเคลื่อนไหวที่เสมือนว่าได้รับความเดือดร้อนแทนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข หัวโต๊ะวงประชุมเดิม ที่ล่าสุดไม่มีรายชื่อในคณะทำงานชุดใหม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำรัฐบาล แสดงความกล้า หาญ รื้อวงประชุมที่นายอนุทินควบคุมอยู่จนสำเร็จ แม้จะช้ายังดีกว่าไม่มา ซึ่งการโต้ตอบของข้าราชการกระทรวงในครั้งนี้ ถือเป็นการทำงานแบบสนองนโยบายเจ้าเสนาบดีกระทรวงจนออกนอกหน้า

เราเห็นว่าโควิดระลอก 3 รุนแรงเกินกว่าจะให้ทีมแพทย์ผู้รับผิดชอบแอบอิงกับฝ่ายการเมืองจนเกินเหตุ หรือสูญเสียจรรยาบรรณความเป็นมืออาชีพ ส่วนผู้นำประเทศก็ต้องทำงานเด็ดขาด อย่าถึงขั้นต้องรวบรวมความกล้าที่ปรับเปลี่ยนผู้นำวงประชุมโควิดใหม่ ผู้นำประเทศยังต้องแสดงความกล้าหาญ อย่างกรณีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ที่วันนี้สังคมยังสงสัยข้อเท็จจริงกรณีติดเชื้อโควิดจากสถานบันเทิง ต้องทำให้สังคมกระจ่างและทำให้เห็นว่าไม่นิ่งนอนใจ

เราเห็นว่าข้อเท็จจริงและโจทย์ในการรับมือโควิดรอบที่ 3 ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับฝ่ายสาธารณสุข ไม่ว่าการเร่งฉีดวัคซีนให้เกิน 1.0% อย่างน้อยต้องเร็วกว่าวันละ 5,000 โดส การตั้งเรื่องของบประมาณเพื่อซื้อวัคซีนยี่ห้ออื่นเพิ่มเติม หรือแม้แต่การหยุดขัดขวางโรงพยาบาลเอกชนไม่ให้นำเข้าวัคซีนตามคำสั่งฝ่ายการเมือง ในภาวะโควิดวิกฤติและมีแนวโน้มทำประเทศพังพินาศ พวกท่านต้องรวบรวมความกล้าไม่ยอมสยบกับความไม่ถูกต้องใดๆ ก่อนที่ประเทศจะย่อยยับไปมากกว่านี้