วิกฤติโควิดซ้ำ 'ดับฝัน’ เที่ยวไทยฟื้น

(ชมคลิปข่าวด้านล่าง) สถานการณ์การระบาดโควิด19 ระลอก3 คลัสเตอร์ทองหล่อ ยังไม่รู้ว่าจะจบหรือคลี่คลายลงเมื่อไหร่ แต่ผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวไทยปีนี้ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเจอโควิดแต่ละครั้งสาหัสเกินเยียวยา ติดตามจากรายงาน

แม้รัฐบาลจะยังไม่เรียกโควิดระลอกใหม่ ที่มีคลัสเตอร์จากสถานบันเทิงทองหล่อ ว่า ระลอก3 อย่างเป็นทางการ แต่ปฏิเสธไม่ได้ ว่าเป็นระลอกที่ซ้ำเติมผู้ประกอบการทุกกลุ่ม โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลาง และรายย่อยแบบสาหัสอีกครั้ง

เพราะครั้งนี้ไม่มีการประกาศล็อกดาวน์ ซึ่งเท่ากับว่ามาตรการเยียวยาอย่างเต็มรูปแบบก็ไม่มีเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่หวังฟื้นช่วงเทศกาลสงกรานต์ หวังเม็ดเงินจากไทยเที่ยวไทยจะต่อลมหายใจได้บ้าง แต่ทันทีที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งหลายร้อยคนต่อวัน ทำให้ประชาชนที่เคยเบาใจ ว่าสถานการณ์โควิดในไทยจะคลี่คลาย แล้วไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆได้ กลับมาคิดว่าไปจะได้คุ้มเสียหรือไม่

นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม บอกว่า หลังมีการระบาดของโควิด-19 ระลอกนี้ สิ่งที่ต้องทำมากที่สุด คือให้กำลังใจผู้ประกอบการด้วยกัน เพราะจากการสำรวจของออนไลน์ทราเวลเอเจนซี่แทบทุกสำนัก พบว่า ภูเก็ตเป็นอันดับหนึ่งที่นักท่องเที่ยวไทยจองเพื่อเดินทางท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่พอเกิดคลัสเตอร์สถานบันเทิง ปรากฏว่า มีการทยอยยกเลิกการจองห้องพักและทัวร์ต่างๆในภูเก็ตแล้ว

เช่นเดียวกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคตะวันออก นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก พิสูจน์ แซ่คู บอกว่า การระบาดรอบ3 ส่งผลกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวไทยที่จะเดินทางไปพัทยาในช่วงหยุดยาว ซึ่งปัจจุบันมียอดการยกเลิกห้องพักแล้วประมาณ 20% และน่าจะมีการยกเลิกเพิ่มขึ้น โดยไม่มียอดจองใหม่แต่อย่างใด

ด้าน นายกสมาคมท่องเที่ยวเกาะเสม็ด จ.ระยอง สริญทิพญ ทัพมงคลทรัพย์ บอกว่า อยากให้รัฐบาลเห็นใจผู้ประกอบการบ้าง เพราะก่อนที่จะมีข่าวโควิด-19 ระบาดใหม่ มียอดจองที่พักโรงแรม รีสอร์ต และบ้านพัก เกือบ 80% แต่พอมีข่าวโควิดระบาด นักท่องเที่ยวโทรยกเลิกจองคืนห้องพัก ขอคืนเงินมัดจำกันจำนวนมาก ซึ่งพื้นที่ระยองไม่ใช่ระลอก 3 แต่เรียกว่าระลอกที่ 4 แล้ว การท่องเที่ยวกำลังจะเดินไปได้ดี แต่ก็มาสะดุด ซึ่งส่วนใหญ่ที่เกิดก็เพราะผู้มีฐานะทางสังคม มีชื่อเสียงทั้งนั้น

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ความหวังเดียวตอนนี้ คงหนีไม่พ้นวัคซีนที่อยากให้คนไทยได้ฉีดกันอย่างทั่วถึง อย่างน้อยก็ผ่อนหนักให้กลายเป็นเบาได้ พร้อมทั้งหวังว่าภาครัฐจะมีมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น กระตุ้นไทยเที่ยวไทย การพักหนี้ เงินกู้ซอฟต์โลน และเงินเยียวยาช่วยแรงงานภาคการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ

ขณะที่ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ยุทธศักดิ์ สุภสร ก็ยอมรับว่า สงกรานต์ปีนี้เงียบเหงา เม็ดเงินหายไป2.4 พันล้าน จากเดิมเคยคาดการณ์ว่าจะฟื้นตัวค่อนข้างดีสร้างรายได้สะพัดกว่า 1.2 หมื่นล้านบาททั่วประเทศ

แต่ ททท.ยังเชื่อว่า วัคซีนโควิด-19 เริ่มทยอยแจกจ่ายให้ประชากรในหลาย ๆ ประเทศรวมถึงประเทศไทย ทำให้ภาพการกลับมาของนักท่องเที่ยวเริ่มชัดเจนขึ้น ททท.จึงคงเป้ารายได้ภาพรวมอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท โดยประเมินต่างชาติเที่ยวไทยปีนี้ลดลงจากก่อนหน้านี้ที่วางไว้ที่ 8-10 ล้านคนเหลืออยู่ที่ 6.5 ล้านคน สร้างรายได้ 3.5 แสนล้านบาท ส่วนการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศอยู่ที่ 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 8.7 แสนล้านบาท

กรุงเทพธุรกิจ บิซอินไซต์ รายงาน