เอฟทีเอ ดันยอดส่งออกผลไม้ 2เดือนแรกปี64 พุ่งเกิน 100%

เอฟทีเอ ดันยอดส่งออกผลไม้ 2เดือนแรกปี64  พุ่งเกิน 100%

พาณิชย์’ เผย ไทยส่งออกผลไม้ไปประเทศคู่เอฟทีเอขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือนแรกของปี 64 ขยายตัว 107% มูลค่าส่งออก 461 ล้านดอลลาร์ทุเรียน มังคุด ลำไย และมะม่วง จัดเป็นผลไม้ยอดฮิต จีน อาเซียน และฮ่องกง ตลาดสำคัญ คาดอาร์เซ็ปยิ่งเพิ่มโอกาสให้ผลไม้ไทยในอนาคต

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การส่งออกผลไม้ของไทงไปประเทศคู่ค้าที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) 18 ประเทศ ช่วง 2 เดือนแรกของปี 2564 (ม.ค.-ก.พ.) ขยายตัว 107% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 มูลค่าการส่งออกรวม 461 ล้านดอลลาร์  คิดเป็น 94.94% ของการส่งออกผลไม้ทั้งหมด
ตลาดการส่งออกที่มีการขยายตัว ได้แก่ จีน ชยายตัว 162%  มาเลเซีย ขยายตัว263% สิงคโปร์  ขยายตัว 44% อินโดนีเซีย ขยายตัว. 686%.  ฟิลิปปินส์ขยายตัว. 187%. ฮ่องกง ขยายตัว 19%. ออสเตรเลียขยายตัว 8%  และชิลี ขยายตัว 786%. เป็นต้น ทุเรียนสด มังคุดสด ลำไยสด และมะม่วงสด เป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมสูง สอดคล้องกับสถิติการขอใช้สิทธิประโยชน์จากเอฟทีเอในการส่งออก ซึ่งผู้ส่งออกไทยขอใช้สิทธิในการส่งออกผลไม้ดังกล่าวในลำดับแรกๆ 
161820978988

นางอรมน กล่าวว่า ความตกลงการค้าเสรีมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้การส่งออกผลไม้ของไทยเติบโต ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจโลกที่ประสบความผันผวนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 

โดยภายใต้ความตกลงการค้าเสรีของไทยที่มีผลใช้บังคับแล้วจำนวน 13 ฉบับ กับ 18 ประเทศ ซึ่งปัจจุบัน 12 ประเทศคู่เอฟทีเอ ได้แก่ จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู บรูไน สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมา และฮ่องกง ได้ยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าผลไม้สดผลไม้แช่แข็งและผลไม้แห้งทุกรายการจากไทยแล้ว สำหรับอีก 6 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ได้ยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าผลไม้ส่วนใหญ่ให้ไทยเหลือเพียงสินค้าบางชนิดที่ยังเก็บภาษีนำเข้าจากไทย

นอกจากนี้ ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ อาร์เซ็ป ซึ่งไทยเพิ่งร่วมลงนามไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ส่งผลให้ไทยสามารถผลักดันการลดภาษีเพิ่มเติมในสินค้าผลไม้ เช่น เกาหลีใต้จะทยอยลดภาษีทุเรียนสดและมังคุดสด และเวียดนามจะทยอยลดภาษีส้ม จนเหลือศูนย์ในปีที่สิบหลังความตกลงมีผลใช้บังคับ เป็นต้น 
“ปัจจุบัน ไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกผลไม้ อันดับที่ 7 ของโลก และในระยะยาวการค้าผลไม้มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงถือเป็นโอกาสทองที่เกษตรกรและผู้ประกอบการไทยจะขยายการส่งออกไปต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรีด้วย ตลอดจน การรักษามาตรฐานสินค้าให้สอดคล้องกับหลักการสากล พัฒนาคุณภาพการผลิตตามความต้องการตลาด และการปรับตัวสู่การค้ายุคใหม่ ซึ่งจะช่วยยกระดับสินค้าและสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ควบคู่ไปกับการใช้สิทธิประโยชน์จากเอฟทีเอให้เต็มที่เพื่อครอบครองตลาดและสร้างมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้นให้สินค้าผลไม้ไทย”