"เนชั่นทีวี" ย้ำหน้าที่สถาบันสื่อ พร้อมเร่งเพิ่มรายได้

"เนชั่นทีวี"  ย้ำหน้าที่สถาบันสื่อ พร้อมเร่งเพิ่มรายได้

"เนชั่น ทีวี" ฝ่าวิกฤติโควิด มองครึ่งปีหลังอุตสาหกรรมมีโอกาสฟื้นตัว เตรียมงามอีเวนใหญ่ ครบรอบ 50 เนชั่น ตอกย้ำสถาบันสื่อ ไม่หวั่่นการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคล เน้นคุณภาพข่าวเป็นหลัก และยังพิจารณาแนวทางกลับมาจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นปี 2564

 

นายสุภวัฒน์  สงวนงาม กรรมการผู้จัดการและกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NBC เปิดเผยว่า ผลกระทบจากโควิด -19 ระลอก3 ทำให้ทั้งอุตสาหกรรมยังได้รับผลกระทบต่อเนื่อง  จากเดิมที่ประเมินว่าการเติบโตในธุรกิจทีวีปีนี้อยู่ที่ 3 %   และบริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ 6 %  จากนี้ไปจะมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในทุกรายไตรมาส

อย่างไรก็ตามบริษัทยังเดินหน้าหาช่องทางรายได้อื่นเข้ามาเสริมธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจช้อปปิ้งออนไลน์ ที่ดำเนินการเข้าลงทุนตั้งแต่ปี 2563  ซึ่งจะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้หันมาซื้อสินค้าและบริการผ่านออนไลน์มากขึ้น

รวมทั้งงานอีเวนในครึ่งปีหลังมี 3-4 งาน   ซึ่งจะมีงานใหญ่ของปี “ ครบรอบ50 เนชั่น ที่อยู่ระหว่างการเตรียมการ    และยังมีการให้ความรู้ภาคท้องถิ่น ตามหัวเมืองจังหวัดใหญ่ ๆ ด้วยการนำผู้นำท้องถิ่นและผู้นำเดินนโยบายมาพูดคุยในงาน  

ส่วนงานสื่อยังเน้นการเป็นสถาบันสื่อที่น่าเชื่อถือ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงพิธีกร จนมีความกังวลเกิดผลกระทบนั้นมองว่าการเปลี่ยนแปลงพิธีกรย่อมเกิดขึ้นได้ตลอด  ซึ่งกลุ่มพิธีกรที่อยู่ล้วนแต่เชี่ยวชาญงานข่าว มีกองบรรณาธิการที่อยู่ในสนามข่าวและสนับสนุนงานข่าวจนเกิดความน่าเชื่อถือ 

เม็ดเงินโฆษณาปี 2563 อยู่ที่ 1.04 แสนล้านบาท สื่อโทรทัศน์ได้รับผลกระทบปรับตัวลดลง 11 อยู่ที่ 61,329 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้ยังมองว่าทั้งปีจะเห็นการเติบโต 3 % แต่การกลับมาระบาดโควิดรอบนี้ทำให้ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด  

นางวรางคณา กัลยาณประดิษฐ กรรมการบริหาร กล่าวว่า แผนการกลับมาจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นยังอยู่ในการพิจาณา  ซึ่งแนวทางมีหลายช่องทางที่ทำได้ เพราะปัจจุบันบริษัทมีพิจารณาปรับโครงสร้างส่วนทุน  ซึ่งสามารถนำส่วนล้ำมูลค่าหุ้น ส่วนส่วนทุนสำรองตามกฎหมาย  นำมาล้างขาดทุนสะสม จากปี 2563 อยู่ที่ 905 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานปี 2563 บริษัทมีรายได้ 911.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88 % มีกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 43.07 ล้านบาท  และมีกำไรสุทธิ 32.13 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 89 % ซึ่งการเติบโตของรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจโฮม ช้อปปิ้งที่ปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางผลกระทบจากเศรษฐกิจที่มีผลต่อทั้งอุตสาหกรรมสื่อดิจิทัล