โควิดรอบ 3 ฉุดรายได้ท่องเที่ยวสะพัดช่วง 'สงกรานต์' หายไปกว่า 2.4 พันล้านบาท

โควิดรอบ 3 ฉุดรายได้ท่องเที่ยวสะพัดช่วง 'สงกรานต์' หายไปกว่า 2.4 พันล้านบาท

“ททท.” ชี้โควิดรอบ 3 ฉุดรายได้ท่องเที่ยวสะพัดหยุดยาวสงกรานต์ 20% หายไปกว่า 2.4 พันล้านบาท เหลือรายได้สะพัด 9.6 พันล้าน จากเคยประเมินไว้คึกคักที่ 1.2 หมื่นล้าน ด้านสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก-ตะวันตก-ใต้ เผยยอดนักท่องเที่ยวไทยยกเลิกจองห้องพักแล้ว 10-20%

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จากเหตุระบาดของโรคโควิด-19 รอบ 3 ภายในประเทศขณะนี้ ททท.คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อรายได้การท่องเที่ยวในช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 10-15 เม.ย.2564 จากเดิมเคยคาดการณ์ว่าจะฟื้นตัวค่อนข้างดี สร้างรายได้สะพัดกว่า 1.2 หมื่นล้านบาททั่วประเทศ

“แต่จากสถานการณ์ล่าสุด ททท.คาดว่าจะมียอดยกเลิกการเดินทาง 20% ทำให้รายได้การท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์ปีนี้หายไป 20% เช่นกันจากคาดการณ์รายได้สะพัดเดิม หรือคิดเป็นรายได้หายไป 2,400 ล้านบาท คงเหลือรายได้สะพัด 9,600 ล้านบาท”

หลังจาก ททท.ได้ประเมินสถานการณ์ซึ่งมีโควิด-19 ระบาดรอบ 3 เป็นตัวแปรสำคัญ แบ่งออกเป็น 3 ซีนาริโอด้วยกัน ได้แก่ 1.นักเดินทางชาวไทยยังคงเดินทางปกติ เนื่องจากตัดสินใจแล้ว โดยการเดินทางส่วนใหญ่เน้นกลับภูมิลำเนาเพื่อเยี่ยมญาติ ไม่ใช่เพื่อการท่องเที่ยวพักผ่อนทั่วไป หลังจากไม่ได้กลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2563 และเทศกาลปีใหม่ 2564 ประกอบกับรัฐบาลประกาศวันหยุดยาว 6 วัน ทำให้นักเดินทางวางแผนการเดินทางไว้ชัดแล้ว

2.นักเดินทางชาวไทยยังตัดสินใจออกเดินทางอยู่ แต่เลือกเปลี่ยนที่หมาย เพื่อลดความเสี่ยงจากการระบาดของโควิด-19 รอบ 3 โดยเลือกนั่งรถยนต์ส่วนบุคคลมากขึ้น เดินทางพร้อมกับบุคคลที่มั่นใจ ไปยังจุดหมายใกล้กรุงเทพฯหรือพื้นที่ที่พบรายงานยอดผู้ติดเชื้อน้อย

และ 3.นักเดินทางชาวไทยบางส่วนเลือกยกเลิกการเดินทางเพื่อความสบายใจ เนื่องจากบางกลุ่มมีผู้สูงวัยเดินทางด้วย ประกอบกับในช่วงโควิด-19 ผู้ประกอบการท่องเที่ยว เช่น โรงแรมมีนโยบายยืดหยุ่นด้านการยกเลิกหรือเลื่อนวันเข้าพักมากขึ้น อาทิ Free Cancellation

“จากทั้ง 3 ซีนาริโอ ททท.ให้น้ำหนักกับซีนาริโอที่ 2 มากที่สุด 50% รองลงมาคือซีนาริโอที่ 1 ที่ 30% และซีนาริโอที่ 3 ที่ 20% ตามลำดับ” ผู้ว่าการ ททท.กล่าว

ด้านนายพิสูจน์ แซ่คู นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก กล่าวว่า การระบาดของโควิด-19 รอบ 3 ส่งผลกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวไทยที่จะเดินทางมาเมืองพัทยาในช่วงหยุดยาวสงกรานต์นี้ ปัจจุบันมียอดการยกเลิกห้องพักแล้วประมาณ 20% แต่ยังถือว่าไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับการระบาดรอบ 2 ช่วงหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงจับตาสถานการณ์อยู่ และได้สอบถามข้อมูลต่างๆ ด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องเพื่อประกอบการตัดสินใจ เช่น ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเมืองพัทยามีจำนวนมากหรือไม่ และต้องกักตัวขากลับหลังท่องเที่ยวเสร็จหรือไม่ โดยทางสมาคมฯเชื่อว่าหน่วยงานรัฐของจังหวัดชลบุรีจะไม่มีการออกมาตรการกักตัวในรอบ 3

“เดิมคาดว่าโรงแรมในเมืองพัทยาช่วงสงกรานต์นี้จะมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยช่วงวันที่ 13-15 เม.ย.นี้อยู่ที่ 80% โรงแรมหลายแห่งมียอดจองล่วงหน้าเต็ม 100% แต่พอมีการระบาดรอบ 3 ของโควิค ทำให้นักท่องเที่ยวไทยเริ่มทยอยยกเลิกจองห้องพักเข้ามาแล้ว 20% และน่าจะมีการยกเลิกเข้ามาอีก ประกอบกับไม่มียอดจองใหม่เข้ามาระหว่างสัปดาห์ สมาคมฯจึงมองว่าช่วงหยุดยาวสงกรานต์นี้ ถ้าโรงแรมในเมืองพัทยาได้อัตราเข้าพักเฉลี่ยถึง 50% ก็ถือว่าดีแล้ว”

นายวสันต์ กิตติกุล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันตก กล่าวว่า ภาพรวมโรงแรมในหัวหินและชะอำได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระบาดรอบ 3 เช่นกัน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวยกเลิกการจองห้องพักเข้ามาแล้ว 15-20% อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวอีกส่วนหนึ่งยังคงจับตาสถานการณ์การระบาด ว่าจะยังเดินทางในช่วงไฮไลต์ตั้งแต่วันที่ 13-15 เม.ย.นี้หรือไม่

นายศึกษิต สุวรรณดิษฐกุล อุปนายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวว่า จากการสอบถามกรรมการของสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ รายงานว่าเบื้องต้นมียอดยกเลิกการจองห้องพักโรงแรมที่ภูเก็ตช่วงสงกรานต์ประมาณ 10% เท่านั้น ขณะที่โรงแรมบางแห่งมียอดยกเลิกน้อยมาก ถือว่าได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เลือกเดินทางมาภูเก็ตยังตัดสินใจเดินทาง เพราะจองตั๋วเครื่องบินมาแล้ว ประกอบกับในพื้นที่ จ.ภูเก็ต พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวนน้อย ทำให้นักท่องเที่ยวยังมั่นใจในการเดินทางมาในช่วงหยุดยาวนี้