'OISHI' ลุยขยายธุรกิจปีนี้โตต่อ เฝ้าระวังโควิดระบาดรอบใหม่

'OISHI' ลุยขยายธุรกิจปีนี้โตต่อ เฝ้าระวังโควิดระบาดรอบใหม่

โออิชิ กรุ๊ป เผยไตรมาส 1 ปีนี้ ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 4 ปีก่อน แม้เทียบช่วงเดียวกับปีก่อนยังลดลงเนื่องจากผลกระทบโควิดระลอก 2 ลุยปรับโมเดลธุรกิจเครื่องดื่ม- ร้านอาหาร รอความคืบหน้าใบอนุญาตกัญชงจากภาครัฐ หนุนปีนี้โตต่อเนื่อง พร้อมเฝ้าระวังโควิดรอบใหม่

นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ OISHI เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดรอบใหม่หรือระลอก 3 ยังมีความไม่แน่นอนและอาจส่งผลกระทบรุนแรงกว่าที่ผ่านมา ยังต้องรอติดตามและประเมินสถานการณ์อีกครั้ง  แต่เชื่อว่า เนื่องจากในปีที่ผ่านมาบริษัทเตรียมแผนรับมือและปรับโมเดลธุรกิจได้ดีระดับหนึ่ง สะท้อนจากผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2564 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 4 ปี 2563 ดังนั้นเชื่อว่า ปีนี้จะสามารถก้าวข้ามผ่านไปได้

ภายใต้กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจปีนี้ ปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสไลฟ์สไตล์เข้าถึงลูกค้าแต่ละกลุ่มมากขึ้น  สำหรับธุรกิจเครื่องดื่ม มุ่งเข้าถึงลูกค้าให้มากที่สุด ทั้งพัฒนาสินค้าใหม่และ รีเฟรชแบรนด์ เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าดูแลสุขภาพ กลุ่มวัยรุ่นและนักศึกษา พร้อมกับจัดแคมเปญชิงโชคต่อเนื่อง เพื่อยังคงความเป็นผู้นำในตลาดชาพร้อมดื่ม ขณะเดียวกันยังเน้นขยายตลาดใน CLMV หากเริ่มกลับเปิดประเทศได้   

ทางด้านธุรกิจร้านอาหาร ปรับโมเดลธุรกิจเน้นบริการฟู้ดดิเลเวอร์รี่และนำกลับบ้าน รวมถึงปรับเปลี่ยนโมเดลสาขาเข้าถึงลูกค้าแต่ละกลุ่มให้มากที่สุด เช่น ฟู้ดทรักส์จอดตามหมู่บ้านและสำนักงาน  หรือสาขาเฉพาะสำหรับกลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยม ตอบโจทย์กลุ่มรักสุขภาพ ปัจจุบันมีสาขาทั้งสิ้น 265 แห่ง จะพิจารณาเปิดและปิด หรือเปลี่ยนรูปแบบตามความสถานการณ์และพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละกลุ่มให้มากที่สุด  รวมถึงจับมือกับพันธมิตรแต่ละช่องทางจัดแคมเปญให้ลูกค้าเข้าถึงด้วยราคาที่คุ้มค่า เพื่อสร้างยอดขายเติบโตต่อเนื่อง

พร้อมกันนี้บริษัทมุ่งพัฒนาสินค้าใหม่ที่เป็นสินค้าสำเร็จรูปต่อเนื่อง  เช่น ซอส เกี๊ยวซ่า แซนวิส เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทำอาหารที่บ้าน  นอกจากนี้ ยังนำเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อประสิทธิภาพในทุกธุรกิจ และขณะเดียวกันบริษัทยังคงศึกษาวิจัยธุรกิจเครื่องดื่มผสมกัญชง แต่ทั้งนี้ยังต้องรอความชัดเจนจากทางการมากกว่านี้ ว่าจะอนุญาตในส่วนไหนมากน้อยแค่ไหนและเน้นที่ความปลอกภัยของผู้บริโภค

นายกฤษฏา วรรธนะภาคิน รองกรรมการผู้จัดการสายการเงินและบัญชี โออิชิ กรุ๊ป เปิดเผยว่า  สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2564  มีรายได้จากยอดขาย 2,667 ล้านลาท ลดลง 20.7% และกำไร 225 ล้านบาท ลดลง 37 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากผลกระทบโควิด -19 ระลอก 2 ช่วงปลายเดือนธ.ค.ปีก่อนจนถึงเดือนม.ค.ปีนี้ ขณะที่ช่วงเดียวกันปีก่อนยังไม่มีผลกระทบจากโควิด -19  ทำให้รายได้ธุรกิจร้านอาหารลดลงค่อนข้างมาก  

ธุรกิจเครื่องดื่ม มีรายได้จากยอดขายในไตรมาส 1ปี 2564 จำนวน 1,480 ล้านบาท ลดลง 15%  และกำไรสุทธิ 223 ล้านบาท ลดลง 17.7%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากผลกระทบจากโควิด -19ทำให้ยอดขายส่งออกไปยังตลาด CLMV  ชะลอตัวลง แต่ตลาดในประเทศปรับตัวดีขึ้นและยังเป็นผู้นำในตลาด ทำให้ยอดขายจากธุรกิจเครื่องดื่มปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 4 ปี 2563 อยู่ที่ 1,347 ล้านบาท

ธุรกิจร้านอาหาร มีรายได้จากยอดขายในไตรมาส 1ปี 2564 จำนวน 1,187 ล้านบาท ลดลง 36%  และกำไรสุทธิ 2ล้านบาท ลดลง 97.6%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน  เนื่องจากมาตรกรจำกัดจำนวนคนนั่งในร้านอาหาร เพื่อคุมโควิด-19 และการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 2 แต่ยอดขายลดลงเพียงเล็กน้อยจากไตรมาส 4 ปี 2563 ปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 1,238 ล้านบาท และสามารถพลิกกลับมาเป็นกำไรได้จากปีก่อนขาดทุน 3 ไตรมาสติดต่อกัน  

ทั้งนี้ บริษัทมีสภาพคล่องดีและฐานะการเงินแข็งแรง จาก ปี 2563 สินทรัพย์รวม 9,029 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 5.38% จากเดือนก.ย.ปี 2563  กระแสเงินสด  1,842 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14,67%  และไม่มีหนี้สินใช้เงินลงทุนจากกระแสเงินสด  ซึ่งทำให้เราให้ความสนใจในการควบรวมและซื้อกิจการในทุกโอกาส แต่จะพิจารณาถึงความเหมาะสมเป็นหลักทางด้านงบลงทุนในปีนี้คาดว่าจะใช้ราว 400-500 ล้านบาท กลับมาเท่าระดับปกติ และอาจเพิ่มแป็น 600 ล้านบาท หากมีการขยายสาขารูปแบบใหม่เพิ่มเติม แต่ยังต้องเฝ้าระวังเรื่องโควิด -19 ทำให้ทุกการลงทุนต้องเกิดความคุ้มค่าที่สุด มี จากปี 2563 ใช้เพียง 300 ล้านบาท