‘กองทุน’แนะลุยลงทุนต่างประเทศ ชี้ผลตอบแทนแซงหุ้นไทย

‘กองทุน’แนะลุยลงทุนต่างประเทศ ชี้ผลตอบแทนแซงหุ้นไทย

ก.ล.ต. เผยต้นปีนี้ “กองทุน” ควักเงินซื้อหุ้นนอกเพิ่มจากปี 63 มูลค่า 1.40 ล้านล้าน เป็น 1.46 ล้านล้าน บลจ. ทหารไทย ชี้แนวโน้มผลตอบแทนต่างประเทศ 10 ปี อยู่ที่ 8-12% ขณะที่หุ้นไทยทรงตัว 5% พร้อมแนะลงทุนตลาดจีนหลังเติบโตโดดเด่น

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานข้อมูลการลงทุนในต่างประเทศของกองทุนรวม ณ วันที่ 15 ม.ค.2564 เปิดเผยว่า ล่าสุดเดือนม.ค.2564 มีมูลค่า 1.46 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น จากปี 2563 มูลค่า 1.40 ล้านล้านบาท และจากปี 2559 มูลค่า 1.42 ล้านล้านบาท, ปี 2560 มูลค่า 1.62 ล้านล้านบาท, ปี 2561 มูลค่า 1.53 ล้านล้านบาท และปี 2562 มูลค่า 1.61 ล้านล้านบาท

นายบดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มผลตอบแทนลงทุนหุ้นต่างประเทศระยะ 10 ปีข้างหน้าคาดว่ายังให้ผลตอบแทนที่ดีเฉลี่ย 8-12% แม้ลดลงจากช่วง 10 ปีก่อน เฉลี่ยที่ 13-18% เนื่องจากแนวโน้มระยะข้างหน้าเทรนด์ดอกเบี้ยเริ่มเป็นขาขึ้นทำให้ผลตอบแทนในตลาดหุ้นลดลงและระหว่างทางตลาดยังมีความผันผวนระดับสูง

แต่นับว่ายังสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าผลตอบแทนในตลาดหุ้นไทย โดยคาดผลตอบแทนตลาด หุ้นไทยในระยะ 10 ปีข้างหน้า ยังทรงตัวเท่ากับช่วง 10 ปีก่อน เฉลี่ยที่ 5-6% เนื่องจากหุ้นไทยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มหุ้นวัฏจักรที่เป็นหุ้นดังเดิมไม่ได้มีหุ้นเทคโนโลยีหรือหุ้นนิวอีโคโนมีเหมือนตลาดหุ้นในต่างประเทศที่มีแนวโน้มเติบโตและสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า

สำหรับ แนวโน้มการลงทุนช่วงนี้คงเน้นกระจายลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนเติบโตอย่างสม่ำเสมอ โดยตลาดหุ้นจีนยังเป็นหุ้นที่โดดเด่นและน่าลงทุนในขณะนี้

นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปีนี้ผู้จัดการกองทุนยังมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะหุ้นจีน ปัจจุบันปรับฐานลงมา 15-18% แนะนักลงทุนทยอยสะสมมีโอกาสรับผลตอบแทนสูงในระยะข้างหน้าจากเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเติบโตชัดเจนขึ้น

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ผู้จัดการกองทุนเน้นให้นักลงทุนกระจายลงทุนในต่างประเทศเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะ 1 ปีขึ้นไป หากเป็นนักลงทุนที่รับเสี่ยงสูงได้ควรจะไปลงทุนต่างประเทศในสัดส่วน 70% ของพอร์ต และอีก 30% เป็นหุ้นไทย และเน้นลงทุนต่างประเทศหลากหลายธีมและหลายประเทศ ได้แก่ ดิจิทัลเฮลธ์แคร์, ไบโอเทค, เทคโนโลยีของสหรัฐและเทคโนโลยีของจีน หากตลาดปรับฐานลงมาเป็นโอกาสเข้าลงทุนแม้ปัจจุบันราคาหุ้นกลุ่มนี้ขึ้นสูงแล้วแต่มองว่าหุ้นกลุ่มนี้ยังมีโอกาสโตมากกว่าเศรษฐกิจ