บลจ.วี มอง ธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่

บลจ.วี มอง ธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่

บลจ.วี มอง ธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ มีแนวโน้มเติบโตสูง เปิดขาย IPO “กองทุน WE-DEWORLD” ระหว่างวันที่ 2 -8 เม.ย. 2564 สร้างโอกาสรับผลตอบแทนระยะยาวจากบริษัทที่ได้ประโยชน์จากการเติบโต สร้างโอกาสการลงทุนในกลุ่ม Emerging Market จากการเติบโต

นายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด  เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเกิดใหม่มีการเติบโตในระดับสูงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาสูงกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (G7) เฉลี่ยประมาณสองเท่า คาดว่าในปี 2050 ประเทศเกิดใหม่จะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก นำโดยประเทศจีน อันดับที่ 1 อินเดียอันดับที่ 2 และ อินโดนิเซียจะอยู่ในอันดับที่ 4  โดยเฉพาะภาคการบริโภคในกลุ่มประเทศเกิดใหม่จะเติบโตแตะระดับ 30 ล้านล้านเหรียญฯในปี 2025 หรือคิดเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของทั่วโลก

 ทั้งนี้ปัจจัยผลักดันสำคัญคือ การขยายตัวของสังคมเมือง (Urbanization) ประกอบกับการเติบโตของประชากร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนอายุในช่วงระหว่าง 20-30 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนแนวโน้มอุปสงค์ของโลก การเติบโตของชนชั้นกลาง ( Rising Middle Class) ในเอเชียโดยเฉพาะจีนและอินเดียที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.5 พันล้านคนในปี 2035  ทำให้เกิดความต้องการบริโภคที่สูง ส่งผลให้เกิดการเกิดพัฒนานวัตกรรม , ออกแบบผลิตภัณฑ์ , การผลิต , การจัดจำหน่ายและการจัดการระบบห่วงโซ่การผลิตต่างๆ (Supply Chain) เพื่อรองรับความต้องการที่ขยายตัวและเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ

 ดังนั้นการเติบโตของตลาดเกิดใหม่จะมีสัดส่วนการเติบโตต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้น ปัจจุบันมีสัดส่วนการเติบโตอยู่ที่ 60% ของ GDP ทั่วโลกและคาดว่าจะเพิ่มเป็น 70% นับตั้งแต่นี้ไปจนถึงปี 2025  ซึ่งมีผลทำให้การได้ประโยชน์จากการเติบโตของตลาดเกิดใหม่นั้นจะไม่จำกัดอยู่ในธุรกิจของกลุ่มประเทศเกิดใหม่เท่านั้น หลายบริษัทในกลุ่มประทศพัฒนาแล้วโดยเฉพาะบริษัทที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ มีแนวโน้มที่จะเติบโตจากความต้องการบริโภคและการบริการในระยะยาวตามไปด้วย

ด้วยแนวโน้มดังกล่าว บลจ.วี จึงเปิดเสนอขาย IPOกองทุนเปิด วี ดีเวลลอปปิ้ง เวิลด์ (WE-DEWORLD)ระหว่างวันที่ 2 -8 เม.ย. 2564  ลงทุนผ่าน กองทุนหลักArtisan Partners Developing World FUND  ที่นโยบายลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่ได้ประโยชน์จากการอุปโภคและบริโภคที่เติบโตในตลาดเกิดใหม่ ผ่านการบริหารโดยผู้จัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญการลงทุนในตลาดเกิดใหม่

จุดเด่นของกลยุทธ์กองทุนหลัก คือ การ Stock pickingคัดเลือกลงทุนในบริษัทที่มีระดับการเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด มีปัจจัยพื้นฐานการเติบโตที่แข็งแกร่ง บริษัทที่มีกระแสเงินสดมั่นคงมีความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิ(Scalability) และ มีการดำเนินธุรกิจที่ไม่กระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ (Durability) ซึ่งอยู่ใน 3 กลุ่มดังต่อไปนี้ 1. Greater China จากการที่ธุรกิจมีความยืดหยุ่น สามารถปรับขนาดธุรกิจได้ 2. Transcenders บริษัทในประเทศตลาดเกิดใหม่ที่มีความสามารถปรับตัวก้าวข้ามความผันผวนและวัฏจักรเศรษฐกิจได้ 3. PassporterCompanies บริษัทจดทะเบียนในภูมิภาคอื่นที่มีธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของประเทศเกิดใหม่ นอกจากนี้เนื่องจากตลาดเกิดใหม่มีความผันผวนต่อการไหลเข้าออกของกระแสเงินการลงทุน ทางกองทุนหลักจึงเน้นการคัดเลือกหุ้นที่มีความต้านทานจากความผันผวนของการไหลเข้าออกของเงินทุน รวมถึงมีการจัดการเรื่องความผันผวนของค่าเงินเพื่อลดความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน  

 สำหรับตัวอย่างบริษัทที่กองทุนลงทุนเช่น  1.) บริษัท Sea Limited ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ , คอมพิวเตอร์ออนไลน์ส่วนบุคคล และเนื้อหาดิจิทัลบนมือถือ, อีคอมเมิร์ซและแพลตฟอร์มการชำระเงินซึ่งให้บริการลูกค้าทั่วโลก

 2. บริษัท Visa Inc. ดำเนินธุรกิจการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับร้านค้าปลีกและจัดการบริการทางการเงินทั่วโลก นอกจากนี้บริษัทยังนำเสนอการค้าทั่วโลกและข้อมูลระหว่างสถาบันการเงิน , ร้านค้า , ผู้บริโภค , ธุรกิจและหน่วยงานของรัฐ

3.) บริษัท Alibaba Group Holding Limited บริษัท ฮลดิ้งให้บริการโครงสร้างพื้นฐานทางอินเทอร์เน็ตการเงินออนไลน์และบริการเนื้อหาทางอินเทอร์เน็ตผ่านบริษัทย่อยที่ให้บริการทั่วโลก

 4.) บริษัท MercadoLibre Inc. (MELI)  ตลาดซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคละตินอเมริกา

 5.) บริษัท NVIDIA Corporation ผู้ออกแบบพัฒนาและวางจำหน่ายโปรเซสเซอร์กราฟิกสามมิติ (3D) และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องบริษัทนำเสนอผลิตภัณฑ์กราฟิก 3 มิติแก่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั่วไป

ด้วยกลยุทธ์การลงทุนและการคัดเลือกบริษัท ทำให้ผลการดำเนินงานของ กองทุนหลัก Artisan Partners Developing World Fund  มีการเติบโตที่น่าสนใจ  โดย ณ วันที่ 28 ก.พ. 2021 ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือนอยู่ที่ 0.81% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.69% ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี อยู่ที่  3.69% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 89.66% ต่อปี และผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่  54.44% ต่อปี เทียบกับดชนีมาตรฐาน MSCI Emerging market index อยู่ที่ 0.76% , 3.85% ,3.85% , 36.05% ต่อปี  และ 16.15% ต่อปี ตามลำดับ

บลจ.วี ประเมินว่า กระแสเงินทุนที่ไหลออกจากตลาดสหรัฐฯ  ส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าเป็นปัจจัยที่สนับสนุนการขยายตัวของรายได้บริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ และทำให้ตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่มีโอกาสปรับตัวสูงกว่าตลาดประเทศพัฒนาแล้ว ขณะเดียวกันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการฉีดวัคซีน ยังปัจจัยบวกให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกกลับมา ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อตลาดเกิดใหม่  “กองทุน WE-DEWORLD จึงเป็นจังหวะสำหรับการลงทุนที่น่าสนใจ เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว จากการเติบโตของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ”