ผู้ถือหุ้นอนุมัติ 'ไออาร์พีซี' แผนหาเงินกู้ 5ปี 5 หมื่นล้านบาท

ผู้ถือหุ้นอนุมัติ 'ไออาร์พีซี' แผนหาเงินกู้ 5ปี 5 หมื่นล้านบาท

มติที่ประชุมผู้ถือหุ้นฯ IRPC อนุมัติแผนการจัดหาเงินกู้ ปี64-68 ไม่เกิน 5 หมื่นล้านบาท รองรับขยายโครงการลงทุนในมือ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ธุรกิจใหม่ 15% ใน 5 ปี

นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยภายหลังการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี2564 ของ บริษัท ไออาร์พีซี วานนี้ (31 มี.ค.) ว่า ที่ประชุมฯ มีมติอนุมัติแผนการจัดหาเงินกู้ 5 ปี ซึ่งรวมถึงการกู้เงินจากสถาบันการเงินและ/หรือการออกหุ้นกู้ และ/หรือตราสารทางการเงินอื่นจากแหล่งเงินในประเทศ และ/หรือต่างประเทศ ในระยะเวลา 5 ปี(ปี2564-2568) วงเงินไม่เกิน 50,000 ล้านบาท โดยจะพิจารณารูปแบบการจัดหาเงินให้เหมาะสมกับความต้องการใช้เงิน และสภาวะตลาดในแต่ละขณะ เพื่อใช้ในการลงทุน และหรือทดแทนเงินกู้เดิมที่ครบกำหนดชำระ(Refinance) และ/หรือ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ทั้งนี้ ให้นำเสนอรายละเอียดการจัดหาเงินในแต่ละครั้งให้คณะกรรมการบริษัทฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินการ

“ส่วนหนึ่งจะนำมาใช้ Refinance เงินกู้เดิม และอีกส่วนหนึ่งประมาณ 36,000 ล้านบาท เป็นการขยายลงทุนตามแผน 5ปี ในจำนวนนี้จะรวมถึง M&A บางส่วน และเงินส่วนที่เหลือจะให้สำหรับขยายการลงทุนในอนาคตที่อยู่ระหว่างการเจรจา ”

สำหรับแผนการลงทุนใน 5 ปี งบประมาณอยู่ที่ 36,251 ล้านบาท รองรับขยายการลงทุนใน 7 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการ Strengthen IRPC เพื่อเพิ่มรายได้ เพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนการผลิตในช่วง 4 ปี (2563-2566) ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้ามีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 4,552 ล้านบาท

2.โครงการปรับปรุงความน่าเชื่อถือ (Reliability Improvement) ตั้งเป้าหมาย ประหยัดค่าใจจ่าย 600 ล้านบาท 3. โครงการ Ultra Clean Fuel (UCF) เพื่อรองรับการผลิตน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 5 คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ ปี 2566

4.โครงการ Infrastructure and Asset ระหว่างปี 2564- ปี2568 ตั้งเป้าหมายจะมี EBITDA อยูที่ 1,365 ล้านบาท 5. โครงการโนอาห์ (แผนเกษียณอายุก่อนกำหนด) เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายของบริษัท ดำเนินการระหว่างปี 2564- ปี2568 ตั้งเป้าหมาย ลดต้นทุน 4,067 ล้านบาท โดยทั้ง 5 โครงการนี้ จะเพิ่ม EBITDA และประหยัดงบลงทุนให้กับบริษัท รวม 14,000 ล้านบาท

6.โครงการ Specialty Product ที่เป็นการเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง กลุ่มผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty) ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ Specialty เป็น 30% ในปี 2567 จากปัจจุบัน อยู่ที่ 13%และ 7. โครงการ Galaxy เป็นการต่อยอดทางธุรกิจและการควบรวมหรือเข้าซื้อกิจการ(M&A) ซึ่งเตรียมวงเงินไว้ประมาณ 8,000 ล้านบาท ใน 5 ปี โดยรวมอยู่ในงบลงทุนตามแผน 5 ปี

161719004926

นอกจากนี้ ในระยะยาวบริษัทยังมองโอกาสขยายการลงทุนธุรกิจใหม่ เช่น ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty) โดยตั้งเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 15% ภายใน 5 ปี

นายชวลิต กล่าวอีกว่า แนวโน้มการลงทุนในปี 2564 จะเป็นปีที่สภาวะแวดล้อมทางธุรกิจจากปัจจัยภายนอกประเทศมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นตามลำดับ หลังเกิดกระแสชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) และปัญหาสงครามการค้า (Trade War) ซึ่งส่งผลบวกกับบริษัท ทำให้ผู้ลงทุนบางส่วนย้ายฐานการผลิตออกจากจีน เพื่อลดความเสี่ยงด้านซัพพลายเชนมายังประเทศและอาเซียนแทน ดังนั้นบริษัทจึงมีแผนที่จะใช้ประโยชน์ในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้เพื่อรับการย้ายฐานดังกล่าว

“บริษัท มั่นใจว่าด้วยแผนธุรกิจที่มีอยู่จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างเหมาะสมให้กับผู้ถือหุ้น”

161719006014

ส่วนกระแสการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) ในประเทศไทย ที่ภาครัฐประกาศเป้าหมายจะใช้เวลาดำเนินการใน 14 ข้างหน้านั้น คาดว่า ยังเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยจากเครื่องยนต์สันดาป ไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า และยังต้องเตรียมพร้อมด้านทรัพยกรและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น สถานีอัดประจุไฟฟ้า การพัฒนาศูนย์ซ่อมฯ และการพัฒนาผลิตแบตเตอรี่

ขณะเดียวกัน บริษัท มีโครงสร้างธุรกิจที่มีความพร้อมทั้งโรงกลั่นและปิโตรเคมี ซึ่งก็มีแผนศึกษาการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ของบริษัท เช่น โครงการผลิตอะโรเมติกส์ (MARS:Maximum Aromatics Project) ขยายกำลังการผลิตปิโตรเคมีสายอะโรเมติกส์ สามารถลดการผลิตแก๊สโซลีนลง และเพิ่มกำลังการผลิตปิโตรเคมีได้ ซึ่งบริษัท เป็นธุรกิจที่มีการเชื่อมโยงโครงสร้างระหว่างโรงกลั่นกับปิโตรเคมีได้อย่างดี ทำให้มีขีดความสามารถจะประกอบธุรกิจปิโตรเคมี และพร้อมจะศึกษาแผนและตัวเทคโนโยลีต่างๆ ที่จะสามารถปรบตัวตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปของโลกได้อย่างเหมาะสม

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมผู้ถือหุ้นฯ ยังอนุมัติจ่ายปันผลจากกำไรสะสมส่วนที่ยังไม่ได้จัดสรร ตามงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2563 ในอัตราหุ้นละ 0.06 บาท คิดเป็นวงเงินประมาณ 1,226 ล้านบาท โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 เม.ย.2564